เปิดด้วยรุ่นแรก ลำโพงยอดฮิตที่มีแบตเตอรี่ ขายดีขวัญใจชาวปาร์ตี้ JBL Partybox 310 เสียงที่ทรงพลังของ JBL Original Pro Sound กำลังขับถึง 240 วัตต์ ด้วยดอก Woofer 6.5 นิ้ว 2 ดอก และดอก Tweeter 2.5 นิ้ว 2 ดอก เสียงเบสสู้รุ่นพี่ได้อย่างดี โดดเด่นด้วยมือจับพร้อมล้อลากที่เป็นรุ่นเดียวภายในซีรีส์ พกพาลากไปไหนก็สะดวก ไฟ LED แบบกระพริบเต้นตามจังหวะเสียงเพลง สามารถใช้ได้ยาวนานสูงสุดถึง 18 ชม. ในเวลาการชาร์จ 1 ครั้งแค่ 3.5 ชม. กันน้ำในระดับ IPX4 ภายใต้ลำโพงสามารถนำขาตั้งมาเสียบเพื่อกระจายเสียงให้ทั่วถึงได้

ส่วนด้านบนลำโพง มีปุ่มสำหรับปรับสีไฟของตัวลำโพง, ปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง, ปุ่มเพิ่มระดับเสียงเบส Bassboost ได้ถึง 2 ระดับ, ปุ่มเปิดสตรีมมิ่งเพลงผ่านบลูทูธ 5.1 และปุ่มควบคุมตั้งค่า Sound Effects ปุ่ม DJ หรือจะควบคุมตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน JBL PartyBox ได้ทั้ง IOS / Android

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบสำหรับกีตาร์และไมค์ผ่าน Ts Phone 6.3 มม., ปุ่มปรับ Gain กีตาร์และไมค์, ช่องเสียบสตรีมเพลง USB, ช่อง Aux แบบ 3.5มม.,ปุ่ม TWS สำหรับเชื่อมต่อลำโพง 2 ใบแบบสเตอริโอ และDAISY CHAIN ช่องเสียบสำหรับเชื่อมต่อลำโพงใบอื่นผ่าน Ts Phone 6.3 มม.

*สำหรับใครที่อยากเห็นตัวจริงเสียงจริง JBL Partybox 310 สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย คลิกเพื่อดู

รุ่นที่สอง ลำโพงบลูทูธ เบสหนัก JBL Partybox 710 เป็นรุ่นที่ให้ความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเหมือนกัน ไฟกระพริบตามเสียงเพลงแบบจัดเต็ม ด้วยเสียงฉบับ JBL Original Pro Sound กำลังขับถึง 800 วัตต์ ด้วยดอก Woofer 8 นิ้ว 2 ดอก และดอก Tweeter 2.75 นิ้ว 2 ดอก ไฟ LED แบบกระพริบเต้นตามจังหวะเสียงเพลง รุ่นนี้จะไม่มีแบตเตอรี่ในตัว กันน้ำในระดับ IPX4 

ส่วนด้านบนลำโพง มีปุ่มหมุนสำหรับปรับสีไฟของตัวลำโพง, ปุ่มหมุนเพิ่มเสียงลดเสียง, ปุ่มกดเพิ่มระดับเสียงเบส Bassboost ได้ถึง 2 ระดับ, ปุ่มกดเปิดสตรีมมิ่งเพลงผ่านบลูทูธ 5.1, ปุ่มหมุนปรับตั้งค่าเอฟเฟกต์เสียงไมค์แบบ ทุ้ม แหลม Echo และ ปุ่มกดควบคุมตั้งค่า Sound Effects ปุ่ม DJ หรือจะควบคุมตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน JBL PartyBox ได้ทั้ง IOS / Android

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบสำหรับกีตาร์และไมค์ผ่าน Ts Phone 6.3 มม., ปุ่มปรับ Gain กีตาร์และไมค์, ช่องเสียบสตรีมเพลง USB, ช่อง Aux แบบ 3.5มม.,ปุ่ม TWS สำหรับเชื่อมต่อลำโพง 2 ใบแบบสเตอริโอ และDAISY CHAIN ช่องเสียบสำหรับเชื่อมต่อลำโพงใบอื่นผ่าน Ts Phone 6.3 มม.

**สำหรับใครที่อยากเห็นตัวจริงเสียงจริง JBL Partybox 710 สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย คลิกเพื่อดู

รุ่นที่สาม ลำโพงบลูทูธ เบสหนัก JBL Partybox 1000 เป็นรุ่นใหญ่ที่มีล้อลาก เช่นเดียวกับ Partybox 710 ไฟกระพริบตามเสียงที่เพลงที่มากกว่าจัดเต็มมากกว่าให้เสียงฉบับ JBL Original Pro Sound เสียงที่ดังและเบสที่หนักเป็นอย่างมาก ด้วยกำลังขับถึง 1,100 วัตต์ ด้วยดอก Mid Range ขนาด 7 นิ้ว 2 ดอก, ดอก Compression driver 1 ดอก และ ดอก SubWoofer ขนาด 12 นิ้ว 1 ดอก ไฟ LED แบบกระพริบเต้นตามจังหวะเสียงเพลง และภายในตัวลำโพงแถมสายรัดข้อมือ Air Gesture Wristband ขยับข้อมือเป็นท่าต่างๆ เพื่อเล่นเอฟเฟกต์เสียง DJ ทันที รุ่นนี้จะไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ไม่กันน้ำ

ส่วนด้านบนลำโพง มีปุ่มกด DJ PAD เอฟเฟกต์เสียงต่างๆสำหรับ ดีเจ, ปุ่มหมุนเพิ่มลดเสียง Echo,มีปุ่มกดสำหรับปรับสีไฟของตัวลำโพง, ปุ่มกดเปิดสตรีมมิ่งเพลงผ่านบลูทูธ 4.2, ปุ่มกดเพิ่มระดับเสียงเบส Bassboost ได้ถึง 2 ระดับ และ ปุ่มกดควบคุมตั้งค่า Sound Effects ปุ่ม DJ

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบสำหรับกีตาร์และไมค์ผ่าน Ts Phone 6.3 มม., ปุ่มปรับ Gain กีตาร์และไมค์, ช่องเสียบสตรีมเพลง USB, ช่อง Aux แบบ 3.5มม., ช่อง RCA สำหรับเชื่อมต่อลำโพง 2 ใบรุ่นเดียวกันให้เสียงแบบสเตอริโอ

**ปัจจุบัน JBL Partybox 1000 เป็นสินค้าที่ตกรุ่นแล้ว หาซื้อค่อนข้างยาก สำหรับใครที่อยากเห็นตัวจริงเสียงจริง JBL Partybox 1000 สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย คลิกเพื่อดู

รุ่นที่สี่ เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในซีรีส์ ลำโพงบลูทูธ เบสหนัก JBL Partybox Ultimate เป็นรุ่นที่มาแทน JBL Partybox 1000 เลยก็ว่าได้ แต่สามารถเชื่อมต่อผ่าน WiFi ที่ให้คุณภาพเสียงที่เหนือกว่าระดับ Dolby Atmos มีมิติเสียงเป็นอย่างมาก รุ่นนี้ยังคงมีล้อลากเช่นเดียวกัน มีการเพิ่มลูกเล่นแสงไฟแบบ Dynamic lightshow มีเอฟเฟกต์ Starry Night ที่เป็นเอกลักษณ์, Cool light Trails, Strobes (ไฟแฟลช), และไฟส่องลงพื้น ให้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์ JBL Original Pro Sound ถึงแม้ไม่มีแบตในตัวด้วยกำลังขับถึง 1,100 วัตต์ ด้วยดอก SubWoofer 9 นิ้ว 2 ดอก, ดอก Mid-Range 4.5 นิ้ว 2 ดอก และ ดอก Tweeter 2.75 นิ้ว 2 ดอก รุ่นนี้จะไม่มีแบตเตอรี่ในตัว กันน้ำในระดับ IPX4

ส่วนด้านบนลำโพง มีปุ่มกด JBL PartyPad เป็นดีเจแบบมืออาชีพ, ปุ่มหมุนเพิ่มลดเสียง,มีปุ่มกดสำหรับปรับสีไฟของตัวลำโพง, ปุ่มกดเปิดสตรีมมิ่งเพลงผ่านบลูทูธ 5.3, ปุ่มกดเพิ่มระดับเสียงเบส Bassboost ได้ถึง 2 ระดับ, ปุ่มกด TWS สำหรับเชื่อมต่อลำโพง 2 ใบรุ่นเดียวกันให้เสียงแบบสเตอริโอ, ปุ่มกดสำหรับเลือกเพลย์ลิสต์และ Preset ที่ปรับแต่งตั้งค่าตัวลำโพงได้, ช่องสำหรับเก็บสายเพื่อความสะดวก, ปุ่มหมุนเอฟเฟกต์สำหรับไมค์ เพิ่มลดเสียง ไมค์ BASS TREBLE ECHO และสามารถควบคุมตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน JBL ONE ได้ทั้ง Android / ios

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบสำหรับกีตาร์และไมค์ผ่าน Ts Phone 6.3 มม., ปุ่มปรับ Gain กีตาร์และไมค์, ช่องเสียบสตรีมเพลง USB, ช่อง Aux แบบ 3.5มม. และDAISY CHAIN ช่องเสียบสำหรับเชื่อมต่อลำโพงใบอื่นผ่าน Ts Phone 6.3 มม.

**สำหรับใครที่อยากเห็นตัวจริงเสียงจริง JBL Partybox 1000 สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย คลิกเพื่อดู

รุ่นที่ห้า เป็นอีกซีรีส์ลำโพงปาร์ตี้ SONY SRS-XP500 จะมีความคล้ายคลึงกับลำโพง Partybox มีที่จับสำหรับยกลำโพงพกพา ไฟ LED ที่ตามจังหวะเสียงเพลง เป็นลำโพงบลูทูธ เบสหนักที่มีดอก Woofer 14 ซม. 2 ดอก และดอก Tweeter 5 ซม. 2 ดอก มาพร้อม X-Balance Speaker Unit เป็นนวัตกรรมที่มีไดอะเฟรมแบบ Non-circular ซึ่งมีพื้นที่กว้างกว่าลำโพงทั่วไป โดยจะให้เสียงที่สดใสชัดเจนยิ่งขึ้น ขับเสียงมารอบทิศทางได้ยินทั่วถึง รองรับ L/R Stereo Pair กับรุ่นเดียวกัน มีแบตเตอรี่ในตัวใช้งานได้สูงสุดถึง 20 ชั่วโมง กันน้ำในระดับ IPX4

ส่วนด้านบนลำโพง มีปุ่มกดเปิดสตรีมมิ่งเพลงผ่านบลูทูธ 5.0, ปุ่มกดเพิ่มลดเสียง, ปุ่มกดเล่นหยุดเพลง, ปุ่มกด Mega Bass สามารถเพิ่มเสียงเบสให้ลึกได้กระหึ่ม

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบสำหรับกีตาร์และไมค์ผ่าน Ts Phone 6.3 มม., ปุ่มปรับ Gain กีตาร์และไมค์, ช่องเสียบสตรีมเพลง USB, ช่อง Aux แบบ 3.5มม., ปุ่มกด Party Connect เชื่อมต่อแบบ Wireless Party Connect ได้สูงสุดถึง 100 ตัว, ปุ่มกดเปิดปิดไฟตัวลำโพง และามารถควบคุมตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน Sony | Music Center ได้ทั้ง IOS / Android

**สำหรับใครที่อยากเห็นตัวจริงเสียงจริง SONY SRS-XP500 สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย คลิกเพื่อดู

รุ่นที่หก ลำโพงบลูทูธ เบสหนัก SONY SRS-XP700 มีคุณสมบัติที่เหมือน XP500 จะมีความแตกต่างในเรื่องขนาดที่ใหญ่กว่า ความดังที่มากกว่าเบสหนักเพราะ มีดอก Woofer 17 ซม. 2 ดอก และดอก Tweeter ด้านหน้า 6 ซม. 3 ดอก ด้านหลัง 5 ซม. 1 ดอก เรื่องความอึดก็มากกว่าเพราะแบตเตอรี่ในตัวที่ใช้งานได้ถึง 25 ชั่วโมง ที่เหลือนั้นเหมือนกับ XP500 ทุกอย่างเรียกได้ว่าอัพเกรดเพิ่มความดังการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

ส่วนด้านบนลำโพง มีปุ่มกดเปิดสตรีมมิ่งเพลงผ่านบลูทูธ 5.0, ปุ่มกดเพิ่มลดเสียง, ปุ่มกดเล่นหยุดเพลง, ปุ่มกด Mega Bass สามารถเพิ่มเสียงเบสให้ลึกได้กระหึ่ม

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบสำหรับกีตาร์และไมค์ผ่าน Ts Phone 6.3 มม., ปุ่มปรับ Gain กีตาร์และไมค์, ช่องเสียบสตรีมเพลง USB, ช่อง Aux แบบ 3.5มม., ปุ่มกด Party Connect เชื่อมต่อแบบ Wireless Party Connect ได้สูงสุดถึง 100 ตัว, ปุ่มกดเปิดปิดไฟตัวลำโพง และสามารถควบคุมตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน Sony | Music Center ได้ทั้ง IOS / Android

**สำหรับใครที่อยากเห็นความแตกต่างระหว่าง SONY SRS-XP500 Vs. SRS-XP700 สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย คลิกเพื่อดู

รุ่นที่เจ็ด ลำโพงบลูทูธรุ่นใหญ่ SONY SRS-XV900 สุดในซีรีส์ มีความดังที่สุด เพราะ ดอกลำโพงแบบ X-Balanced มีดอก Woofer 32 ซม. 1 ดอก, Tweeter Front 5 ซม. 3 ดอก, Tweeter Slide 4 ซม. 2 ดอก, Tweeter Rear 4 ซม. 2 ดอก และMid-Range 12 ซม. 2 ดอก การกระจายเสียง ระบบแสงสี นั้นจะเป็นแบบรอบทิศทาง ส่วนในเรื่องการพกพานั้นสบายมากเพราะมีที่จับและล้อลากมาให้ในตัว ภายในตัวลำโพงจะมีฟีเจอร์ TV Sound Booster ที่จะช่วยการชมทีวีมีอรรถรส ด้วยเสียงเบสที่หนักแน่น ความดังที่มากขึ้น ส่วนในเรื่องการใช้งานนั้นสามารถใช้ได้ยาวนานถึง 25 ชั่วโมง รองรับการส่งสัญญาณ Lossless คุณภาพสูงผ่าน Codec LDAC และEQ แบบกำหนดเอง

ส่วนด้านบนลำโพง มีปุ่มกดเปิดสตรีมมิ่งเพลงผ่านบลูทูธ 5.2, ปุ่มกดเพิ่มลดเสียง, ปุ่มกดเล่นหยุดเพลง, ปุ่มกด Mega Bass สามารถเพิ่มเสียงเบสให้ลึกได้กระหึ่ม

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบสำหรับกีตาร์และไมค์ผ่าน Ts Phone 6.3 มม., ปุ่มปรับ Gain กีตาร์และไมค์, ช่องเสียบสตรีมเพลง USB, ช่อง Aux แบบ 3.5มม., ฟังก์ชัน DJ ที่ตอบโจทย์สำหรับการปาร์ตี้หรือจะเป็นการเชื่อมต่อแบบ Wireless Party Connect ได้สูงสุดถึง 100 ตัวสามารถควบคุมตั้งค่าผ่านแอปพลิเคชัน Sony | Music Center ได้ทั้ง IOS / Android

รุ่นที่แปด ลำโพงรุ่นแรกของทาง Electro-Voice ที่มีแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมง นั้นคือ EV EVERSE 8 ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกด้วยการจับยกตรงหูหิ้ว ให้เบสที่หนักแน่นมากด้วยกำลังขับ 400 วัตต์ มีดอกวูฟเฟอร์ 8 นิ้ว 1 ดอก และดอกทวีตเตอร์ 1 นิ้ว 1 ดอก พร้อมมิกเซอร์ดิจิตอล 4 ชาแนล EQ เบส กลาง แหลมได้ถึง 7 Band มีโหมดให้เลือกถึง 4 โหมด Music, Live, Speech, Club เอฟเฟกต์ให้ 30 Preset คุณภาพระดับสตูดิโอ ฟังก์ชัน Feedback suppression, Audio ducking อีกทั้งยังมีภาคจ่ายไฟ Phantom สำหรับไมค์คอนเดนเซอร์ ถึงแม้ขนาดเล็กแต่ภายในนั้นมีแอมพลิฟายเออร์ Class-D ประสิทธิภาพสูง DSP ตัวลำโพงสามารถวางตั้งเป็นมอนิเตอร์เวทีทำมุม 55° และมุมตั้งฉาก 30° ตอบโจทย์สำหรับการสตรีมเพลง ระบบเสียง Stereo หรือจะเสียบขาตั้งเข้ากับตัวลำโพงเพื่อกระจายเสียงได้ทั่วถึงก็ทำได้ ภายใต้ลำโพงสามารถเสียบขาตั้งได้ และตัวแบตเตอรี่สามารถเปลี่ยนเองได้ ตัวลำโพงรองรับแอปพลิเคชัน EV QuickSmart Mobile ได้ทั้ง IOS / Android 

ส่วนด้านหลังลำโพง จอมอนิเตอร์ LCD สำหรับปรับแต่งควบคุม, ช่องเสียบกีตาร์และไมค์ 2 ช่อง แบบ Combo Jacks, ช่องเสียบ MIX OUT 1 ช่องแบบ XLR ใช้สำหรับต่อเข้าลำโพงอีกใบเพื่อให้ได้เสียงแบบสเตอริโอ, ช่องเสียบ FOOTSWITCH 1 ช่อง ใช้สำหรับเครื่อง FOOTSWITCH, ช่องเสียบ Stero in 1 ช่องแบบ 3.5 มม. ใช้สำหรับเสียบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์โดยตรง, ช่องเสียบ USB 1 ช่อง แบบ Type C สำหรับชาร์จไฟให้กับโทรศัพท์

**สำหรับใครที่อยากเห็นตัวจริงเสียงจริง EV EVERSE 8 สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย คลิกเพื่อดู

รุ่นที่เก้า JBL EON ONE COMPACT ที่มีแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานได้สูงสุดถึง 12 ชั่วโมง มีดอกวูฟเฟอร์ 8 นิ้ว 1 ดอก และดอกทวีตเตอร์ 1 นิ้ว 1 ดอก พร้อมมิกเซอร์ดิจิตอล 4 ชาแนล มีแอมป์ประสิทธิภาพสูงในตัว พร้อมEQ เบส กลาง แหลมได้ถึง 8 Band ได้อย่างแม่นยำ และเอฟเฟกต์เสียง Reverb, Chorus, Delay ฟังก์ชัน Ducking mode กดปุ่มนี้เสียงดนตรีลงไปในขณะใช้ไมโครโฟน สามารถจ่ายไฟ Phantom Power ให้ไมค์ Condenser ได้ มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน และยังสามารถเชื่อมต่อไร้สายกับ EON ตัวอื่น ๆ ได้สูงสุดถึง 4 ตัว เหมาะกับเหมาะกับสถานที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก วางลำโพงแบบมอนิเตอร์ได้ ภายใต้ลำโพงสามารถเสียบขาตั้งได้ และตัวแบตเตอรี่สามารถเปลี่ยนเองได้ ตัวลำโพงรองรับแอปพลิเคชัน JBL COMPACT CONNECT ได้ทั้ง Android / ios

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบ Aux แบบ 3.5มม., ช่องเสียบไมค์ 2 ช่อง แบบ Combo Jacks, ช่องเสียบกีตาร์ 1 ช่องแบบ Hi-Z (6.3 มม.), ช่องเสียบ USB สำหรับสตรีมมิ่งเพลง, ช่องเสียบหูฟัง 1 ช่อง (3.5 มม.), ช่องเสียบ PASS THRU 1 ช่อง (6.3 มม.) สำหรับเชื่อมต่อลำโพงอีก 1 ใบเข้าด้วยกันเสียงแบบสเตอริโอ, ปุ่มกดสำหรับเลือกเปิดชาแนลที่ต้องการใช้, ปุ่มกดเปิด Phantom Power ให้ไมค์ Condenser ได้, ปุ่มกด DUCKING เพื่อลดเสียงดนตรีลงในขณะใช้ไมโครโฟน, ปุ่มกดบลูทูธ 5.0 เชื่อมต่อสตรีมมิ่งเพลงแบบไร้สาย, ปุ่มหมุน MASTER VOLUMN เพิ่มลดเสียงทั้งหมด, เปิดหมุนเพิ่มลดเอฟเฟกต์ทั้งหมด

**สำหรับใครที่อยากเห็นตัวจริงเสียงจริง JBL EON ONE COMPACT สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย Android

ตัวสุดท้าย รุ่นที่คล้าย EV EVERSE 8 กับ JBL EON ONE COMPACT เป็นอย่างมากนั้นคือรุ่น BOSE S1 PRO+ รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการปรับดีไซน์ ขนาดตัว มิกเซอร์ คุณภาพเสียงที่ถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง BOSE S1 PRO  รุ่นนี้มีแบตเตอรี่ในตัวเหมือนเดิม ใช้ได้นานสูงสุดถึง 11 ชั่วโมง มีดอกวูฟเฟอร์ 6 นิ้ว และดอกทวีตเตอร์ 2.25 นิ้ว 3 ดอก มาพร้อมมิกเซอร์ดิจิตอลถึง 3 ชาแนล มีการปรับปรุงการควบคุมแบบใหม่ 1-knobs มีหน้าจอ OLED สำหรับการตั้งค่า ระดับเสียง, EQ และรีเวิร์บ ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้การตั้งค่าได้ง่ายขึ้น ได้รับการปรับจูนเสียงที่ตอบสนองเสียงที่ได้ละเอียด ปรับแต่งการวางได้ถึง 4 รูปแบบ ตั้งแบบปกติ, ตั้งเอียง, วางบนขาตั้งลำโพง, ตั้งแบบมอนิเตอร์ รุ่นนี้ยังมีอุปกรณ์เสริม (ต้องซื้อเพิ่ม) ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อกีตาร์และไมโครโฟนกับลำโพงเป็นแบบไร้สายได้ มีความเป็นมิติกว่ารุ่นก่อน ปรับแต่งผ่านแอปพลิเคชัน BOSE MUSIC ได้ทั้ง Android / ios

ส่วนด้านหลังลำโพง ช่องเสียบ Aux 2 ช่อง (3.5 มม./Ts Phone),ช่องเสียบไมค์และกีตาร์ 2 ช่อง (Combo Jacks), ช่องเสียบ USB 2 ช่อง (Type A,Type C), ช่องเสียบ LINE OUT 1 ช่อง (XLR) สำหรับเชื่อมต่อไปยังลำโพงอีกใบ, ปุ่มหมุนสำหรับเลือกเอฟเฟกต์ และฟังก์ชันที่ต้องการปรับผ่านหน้าจอ OLED

**สำหรับใครที่อยากเห็นตัวจริงเสียงจริง BOSE S1 PRO+ สามารถรับชม ได้ที่นี่เลย คลิกเพื่อดู

(คลิกที่รูปภาพเพื่อขยาย)

สรุป

10 ลำโพงบลูทูธ เบสหนัก ทั้งหมดนี้เป็นรุ่นยอดฮิตที่มีคุณภาพที่ถูกคัดสรรจาก SoundDD.Shop แต่ละรุ่นนั้นมีคุณสมบัติสเปคที่แตกต่างกันออกไป โดยจะสรุปให้เข้าใจแบบง่ายๆ

1. น้ำหนัก
   ถ้าพูดถึงน้ำหนักแล้วนั้น จะเป็น 3 รุ่นนี้ BOSE S1 PRO+, EV EVERSE 8, JBL EON ONE COMPACT ด้วยน้ำหนักที่เบามากทำให้สามารถยกพกพาง่ายกว่ารุ่นอื่น
2. ความดัง
   จะเป็นรุ่น JBL Partybox Ultimate, JBL Partybox 1000, JBL Partybox 710 มีกำลังขับที่มาก ขนาดที่ใหญ่ ดอกที่มีมากกว่ารุ่นอื่น ทำให้สามารถขับเสียงที่ดังกว่ารุ่นอื่นๆ *SONY SRS-XV900 จากที่ได้ฟังให้เสียงที่ดังมากเช่นกันแต่ไม่ได้ระบุกำลังวัตต์มาให้จากทาง SONY
3. เบสที่หนัก
   จะเป็นรุ่น JBL Partybox Ultimate, JBL Partybox 1000 และ SONY SRS-XV900 เป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่มีซับวูฟเฟอร์ดอกที่ใหญ่ทำให้ได้เสียงเบสที่หนักกว่ารุ่นอื่นๆ
4. การเชื่อมต่อ
   ถ้าพูดถึงการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ต้องเป็น JBL Partybox Ultimate เลยก็ว่าได้ด้วยบลูทูธ 5.3 และยังสามารถสตรีมมิ่งเพลงผ่าน WiFi เสียงที่มีมิติอีกด้วย และเป็นรุ่นที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งไมค์และกีตาร์ หรือจะเสียบ USB ก็ได้ ถือว่าดีที่สุดเลยก็ว่าได้ 
5. เสียงแบบสเตอริโอ
   ทุกรุ่นนั้นสามารถ TWS ระหว่างลำโพงรุ่นเดียวกัน 2 ใบให้เสียงแบบสเตริโอได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน
6. การกันน้ำ
   แต่ละรุ่นนั้นกันน้ำได้สูงสุดแค่ IPX43 เท่านั้น ไม่เหมาะแกการน้ำมาใช้เล่นในสถานที่มีน้ำ
7. ไฟ Dynamic Light Show 
   จะเป็นทาง JBL Partybox Series และ SONY SRS Series ที่จะมีไฟที่สร้างบรรยากาศให้กับปาร์ตี้ได้
8. เรื่องเอฟเฟกต์
   จะยกให้กับทาง JBL Partybox Ultimate, JBL Partybox 1000 เนื่องจากมีขนาดใหญ่รองรับเอฟเฟกต์และฟังก์ชันที่มากเหมาะกับคนที่ชอบปาร์ตี้ที่ชอบเล่นเอฟเฟกต์เป็น DJ
9. แบตเตอรี่ใช้ได้นาน
   จะเป็นรุ่น SONY SRS-XV900 ที่มีแบตในตัวสามารถใช้ได้นานสูงสุด 25 ชั่วโมง แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เปิดดัง เปิดไฟมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถอาจหมดเร็วกว่ารุ่นอื่นๆได้

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นการสรุปแบบคร่าวๆให้เข้าใจง่ายๆว่าแต่ละรุ่นมีดีในด้านไหน สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยการใช้งาน ความชอบ ราคางบประมาณที่มีที่เราสามารถซื้อได้ว่าตอบโจทย์ความต้องการเราหรือไม่

ขอบคุณข้อมูลจาก JBL, SONY, BOSE, EV