Home » นโยบายทั้งหมด » นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


V2.01 ลงวันที่ 31/5/2565

เว็บไซต์ SoundDD.Shop (เว็บไซต์) เป็นของและดำเนินการโดย บริษัท เอสพีเค ซาวด์ ซิสเต็มส์ (สำนักงานใหญ่) (บริษัท หรือ เรา) ผู้แทนจำหน่ายเครื่องเสียง ระบบเสียง ระบบภาพ ระบบเสียงห้องประชุม ระบบประชุมทางไกล ระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ อุปกรณ์ คุณภาพสูง สำหรับมืออาชีพ กลุ่มเครื่องเสียง PA แบรนด์ JBL, YAMAHA, BOSE, TURBOSOUND, กลุ่มคาราโอเกะ แบรนด์ SOUNDVISION, PHILIPS, CLEARSOUND, กลุ่มHome Audio แบรนด์ KLIPSCH, Bowers & Wilkins, DENON, PIONEER DJ, กลุ่มสตูดิโอ แบรนด์ BEHRINGER, MACKIE, AKG, FOCUSRITE, กลุ่มInstalled & Conference แบรนด์ HK AUDIO, TANNOY, VL-AUDIO, SHURE, กลุ่มภาพ & ไฟเวที แบรนด์ BENQ, MAXHUB, BARCO, DTEN, กลุ่มDJ ปาร์ตี้ & ไลฟ์สไตล์ แบรนด์ AUDIO-TECHNICA, HARMAN, KREAFUNK, กลุ่มระบบเครื่องดนตรี แบรนด์ PEAVEY ฯลฯ

บริษัทฯ  ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้มีการจัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น เพื่อช่วยชี้แจงให้ท่านทราบถึง รายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของบริษัทฯ เพื่อยังให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

1. บทนำ


SoundDD.Shop (ซาวด์ ดีดี ช็อป) โดย บริษัท เอสพีเค ซาวด์ ซิสเต็มส์ จำกัด (ซึ่งต่อไปในนโยบายนี้ เรียกว่า “บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอื่นอันเกี่ยวกับท่าน (รวมเรียกว่า “ข้อมูล”) เพื่อให้ท่านสามารถเชื่อมั่นได้ว่า บริษัทมีความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) นี้จึงได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงแก่ท่านถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งดำเนินการโดย บริษัท รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องผู้ดำเนินการแทนหรือในนามของ บริษัท โดยมีเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้

2. ขอบเขตการบังคับใช้


นโยบายนี้ใช้บังคับ สำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกที่ บริษัทมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ทั้งนี้ รวมถึงการนำเสนอสินค้า/บริการของ บริษัทฯ และการจัดซื้อจัดจ้าง โดยบุคคลที่มีความสัมพันธ์ หมายความถึง

  1. ลูกค้าและ/หรือผู้ว่าจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดา (รวมถึงผู้ที่อาจเป็นลูกค้าและ/หรือผู้ว่าจ้างในอนาคต และบุคคลอื่นที่มีธุรกรรม เกี่ยวเนื่องกับสินค้า/ผลิตภัณฑ์/บริการของบริษัทฯ )
  2. พันธมิตรทางธุรกิจ
  3. บุคคลผู้มีอำนาจดำเนินการแทน ผู้แทนนิติบุคคล กรรมการ ผู้ถือหุ้น พนักงาน ตัวแทน บุคลากร บุคคลใดๆ ผู้ได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินความสัมพันธ์ทางธุรกิจ รวมทั้งบุคคลอื่นใดที่มีฐานะทำนองเช่นว่านั้น (เรียกรวมว่า “บุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคล”) ของนิติบุคคลที่เป็นลูกค้าและ/หรือผู้ว่าจ้างของบริษัท (รวมถึงนิติบุคคลผู้ที่อาจเป็นลูกค้าและ/หรือผู้ว่าจ้างในอนาคต และนิติบุคคลอื่นที่มีธุรกรรมเกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์/บริการของบริษัท), นิติบุคคลที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท หน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนจากบริษัท บุคคลอื่นๆ เช่น คู่สัญญา รวมทั้งบุคคลที่เป็นพยานในสัญญา ไม่ว่าในรูปแบบใด ผู้ใช้สิทธิตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการจากบริษัท ผู้ร้องเรียน 
  4. พนักงาน เจ้าหน้าที่ของบริษัททุกคน
  5. บุคคลอื่นใดนอกจากที่ระบุเอาไว้ในข้อ 1), 2), 3) และ 4) และ ซึ่งติดต่อหรือทำธุรกรรม กับบริษัทฯ ในประการอื่นตลอดจนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับบุคคลข้างต้น ซึ่งบริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมา (เรียกรวมกันว่า “ท่าน”)

นอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว บริษัท อาจกำหนดให้มีคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) สำหรับสินค้าหรือบริการของบริษัท เพื่อชี้แจงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้ใช้บริการได้ทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผล วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงมีในผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นเป็นการเฉพาะเจาะจง

ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ ให้ถือตามความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริการนั้น

3. คำนิยาม


“บริษัท” หมายถึง บริษัท เอสพีเค ซาวด์ ซิสเต็มส์ จำกัด

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลใดๆ ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง ซึ่งบริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมนั้น ที่สามารถระบุหรือเชื่อมโยงถึงซึ่งรวมถึงบุคคลตามที่ระบุไว้ในข้อ 1 (ขอบเขตการบังคับใช้) ของนโยบายนี้

“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่ง หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการ ดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ ให้คำนิยามข้างต้นเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม


บริษัทเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆ จากแหล่งข้อมูล ดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางให้บริการต่างๆ เช่น ขั้นตอนการสมัคร ลงทะเบียน สมัครงาน ลงนามในสัญญา เอกสาร ทำแบบสำรวจหรือใช้งานสินค้า/บริการ หรือช่องทางให้บริการอื่นที่ควบคุมดูแลโดยบริษัท หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับ บริษัท ณ สถานที่ทำการหรือผ่านช่องทางติดต่ออื่นที่ควบคุมดูแลโดย บริษัท เป็นต้น
  2. ข้อมูลที่บริษัท เก็บรวบรวมจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใช้งานเว็บไซต์ สินค้าหรือบริการอื่นๆ ตามสัญญาหรือตามพันธกิจ เช่น การติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ สินค้าหรือบริการของ บริษัท ด้วยการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือจากซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
  3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท

นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่บริษัท ดังนี้ ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามนโยบายนี้หรือประกาศของสินค้าหรือบริการ ตามแต่กรณี ให้บุคคลดังกล่าวทราบ ตลอดจนขอความยินยอมจากบุคคลนั้นหากเป็นกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท

ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการให้บริการของบริษัท อาจเป็นผลให้บริษัทไม่สามารถให้บริการนั้นแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ทั้งหมดหรือบางส่วน

5. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของบริษัทตามที่กฎหมายกำหนด โดยอาศัยฐานตามกฎหมาย ดังต่อไปนี้

  1. ความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเข้าทำสัญญาหรือ การปฏิบัติตามสัญญากับท่าน ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา
  2. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลภายนอก โดยมีความสมดุลกับประโยชน์และสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  3. เพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  4. เพื่อประโยชน์สาธารณะ สำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
  5. เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือการยกขึ้นต่อสู้ สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และ/หรือ
  6. ได้รับความยินยอมที่สมบูรณ์จากท่าน

6. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม


บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งได้ชี้แจงไว้ในนโยบายนี้ โดยใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่บริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ และอาจขอความยินยอมจากท่านในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอม

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียดและตัวอย่าง

ข้อมูลเฉพาะตัวบุคคล

ข้อมูลระบุชื่อเรียกของท่านหรือข้อมูลจากเอกสารราชการที่ระบุข้อมูลเฉพาะตัวของท่าน เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ชื่อกลาง ชื่อเล่น ลายมือชื่อ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ เลขที่ใบขับขี่ เลขที่หนังสือเดินทาง ข้อมูลทะเบียนบ้าน หมายเลขใบประกอบการ หมายเลขใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ (สำหรับแต่ละอาชีพ) หมายเลขประจำตัวผู้ประกันตน หมายเลขประกันสังคม เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคล

ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่าน เช่น วันเดือนปีเกิด เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ สถานภาพการสมรส สถานภาพการเกณฑ์ทหาร รูปถ่าย ภาษาพูด ข้อมูลพฤติกรรม ความชื่นชอบ ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย ข้อมูลการเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น

ข้อมูลสำหรับการติดต่อ

ข้อมูลเพื่อการติดต่อท่าน เช่น เบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล ที่อยู่ทางไปรษณีย์บ้าน ชื่อผู้ใช้งานในสังคมออนไลน์ (Line ID, MS Teams) แผนที่ตั้งของที่พัก เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา

รายละเอียดการจ้างงาน รวมถึงประวัติการทำงานและประวัติการศึกษา เช่น ประเภทการจ้างงาน อาชีพ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่ ความเชี่ยวชาญ สถานภาพใบอนุญาตทำงาน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ประวัติการดำรงตำแหน่ง ประวัติการทำงาน ข้อมูลเงินเดือน วันเริ่มงาน วันออกจากงาน ผลการประเมิน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ พัสดุในครอบครองของผู้ปฏิบัติงาน ผลงาน หมายเลขบัญชีธนาคาร สถาบันการศึกษา วุฒิการศึกษา ผลการศึกษา วันที่สำเร็จการศึกษา เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัย

รายละเอียดเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยผู้ปฏิบัติงาน เช่น ผู้รับประกันภัย ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หมายเลขกรมธรรม์ ประเภทกรมธรรม์ วงเงินคุ้มครอง ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลม เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสังคม

ข้อมูลความสัมพันธ์ทางสังคมของท่าน เช่น สถานภาพทางการเมือง การดำรงตำแหน่งทางการเมือง การดำรงตำแหน่งกรรมการ ความสัมพันธ์กับผู้ปฏิบัติงานของ สพร. ข้อมูลการเป็นผู้มีสัญญาจ้างกับ สพร. ข้อมูลการเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่ทำกับ สพร. เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของบริษัท

รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของบริษัท เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน หมายเลข PIN ข้อมูล Single Sign-on (SSO ID) รหัส OTP ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลระบุพิกัด ภาพถ่าย วีดีโอ บันทึกเสียง ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งาน (เว็บไซต์ที่อยู่ในความดูแลของหรือแอปพลิเคชันต่างๆ) ประวัติการสืบค้น คุกกี้หรือเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน หมายเลขอุปกรณ์ (Device ID) ประเภทอุปกรณ์ รายละเอียดการเชื่อมต่อ ข้อมูล Browser ภาษาที่ใช้งาน ระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนของท่าน เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลศาสนา ข้อมูลความพิการ ข้อมูลความเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น

7. คุกกี้ (Cookies)


ในกรณีที่ท่านใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางบริการออนไลน์อื่นๆ ของบริษัท บริษัทอาจทำการตรวจสอบถึงพฤติกรรมการสืบค้นข้อมูลและใช้บริการระบบเชื่อมโยงข้อมูล โดยส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาความปลอดภัยของบริษัทนั้น บริษัทอาจใช้ “คุกกี้” (Cookie) รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกัน ในการตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของคำขอของ ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ “คุกกี้” คือข้อมูลที่ได้ส่งจากเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางบริการออนไลน์อื่นๆ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ของผู้เข้าเยี่ยมชม ในขณะที่ผู้เข้าเยี่ยมชมนั้นกำลังเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ โดย “คุกกี้” นั้นจะได้รับ การกำหนดโดยบริษัทฯ  และจะสิ้นผลลงภายหลังจากการเชื่อมโยงข้อมูลในส่วนของบริษัทฯ “คุกกี้” ดังกล่าว อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลบางประเภทซึ่งอาจถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม ท่านมีสิทธิที่จะไม่รับการเชื่อมต่อคุกกี้ได้ โดยสามารถเลือกการตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ได้ในเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของท่าน แต่การปฏิเสธไม่รับการเชื่อมต่อคุกกี้อาจส่งผลกระทบให้การทำงานบางอย่างบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชันหรือช่องทางบริการออนไลน์อื่นๆ ของบริษัทอาจคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้อง หรือมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

อนึ่ง หากท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางบริการออนไลน์อื่นๆ ของบริษัทโดยใช้โปรแกรมสืบค้น (Search Engine) โปรแกรมสืบค้นดังกล่าวอาจจะมีการใช้งานคุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลของท่าน บริษัทจึงแนะนำให้ท่าน ตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดโดยโปรแกรมสืบค้นดังกล่าวด้วย

โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้ คลิก

8. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถและคนเสมือนไร้ความสามารถ


กรณีที่บริษัททราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมในการเก็บรวบรวม เป็นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทจะไม่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจนกว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

กรณีที่บริษัท ไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และมาพบในภายหลังว่า บริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยยังมิได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ดังนี้ บริษัทจะดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็ว หากบริษัทไม่มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายประการอื่นนอกเหนือจากความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

9. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่ท่านได้ให้ไว้เพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ การจัดเตรียมสินค้าและการให้บริการแก่ท่าน ตลอดจนการส่งคำเสนอและแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีให้แก่ท่าน
  2. เพื่อแจ้งให้ทราบถึง สินค้าและการให้บริการ ตลอดจนงานกิจกรรม รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ท่านจะพึงได้รับตามเงื่อนไขของบริษัท
  3. เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงซึ่งสินค้าและการให้บริการ ทั้งนี้โดยไม่จำกัดเฉพาะเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไข ในนโยบายฉบับนี้
  4. เพื่อการให้บริการหลังการขาย เช่น การบริการรับซ่อมสินค้า การจัดส่งสินค้า การติดตั้งและเข้าแก้ไขงาน การดูแลบำรุงรักษาสินค้าตามเงื่อนไข
  5. เพื่อการปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอสินค้าและการให้บริการ เพื่อให้ท่านได้รับความสะดวกในการเข้าถึงบริษัท ไม่ว่าจะผ่านช่องทางออฟไลน์หรือออนไลน์ผ่านช่องทางเว็บไซต์ Shop, แพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ของบริษัท ตลอดจนการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในการตอบโจทย์การใช้งานของท่านด้วยวิธีการใดๆ ไม่จำกัดเฉพาะช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อการเสนอสินค้าหรือบริการให้แก่ท่าน
  6. เพื่อการติดต่อสื่อสาร เช่น การติดต่อประสานงาน การแจ้งผลคำขอต่างๆ การสัมภาษณ์ การสำรวจความคิดเห็นลูกค้า และ/หรือผู้ว่าจ้าง การติดต่อกรณีฉุกเฉิน
  7. เพื่อการดำเนินการทางการตลาดและส่งเสริมการขาย เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การให้คำแนะนำและคำปรึกษาเกี่ยวกับสินค้า/บริการของบริษัท การนำเสนอสินค้า/บริการผ่านช่องทางต่างๆ การแจ้งข่าวสารและสิทธิประโยชน์ การจัดกิจกรรมโปรโมชั่นและกิจกรรมเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมแจกรางวัล การส่งมอบของรางวัล การศึกษาความต้องการและการดำเนินการส่งเสริมการขายให้ตรงกับความต้องการและ/หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ
  8. การจัดการบริหารงานบุคคล การสรรหาและการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของบริษัท เพื่อการบริหารจัดการงานบุคคล พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพที่ดีและร่วมพัฒนาบริษัทให้เจริญก้าวหน้าไปพร้อมกัน
  9. เพื่อการตรวจสอบ และ/หรือการยืนยันข้อมูล ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและเอกสาร การรับและการตรวจสอบคำขอสมัครใช้สินค้า/บริการ การพิจารณาก่อนให้ใช้สินค้า/บริการ การวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการนำเสนอสินค้า/บริการ รวมถึงการพิจารณาคำขออื่นๆ
  10. เพื่อการจัดการบริหารงาน เช่น การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า การบันทึกข้อมูลลงในระบบ การจัดการงานเอกสาร การตรวจสอบข้อมูลลูกค้าเพื่อการป้องกัน การสืบหาสาเหตุการเกิดหนี้ค้าง การติดตามทวงถามหนี้ การดำเนินการเพื่อชำระหนี้ การบริหารความเสี่ยง การวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำรายงานเพื่อการปรับปรุงหรือพัฒนาสินค้า/บริการ หรือกระบวนงานภายในของบริษัท การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การประเมิน/วิจัยการตลาดและจัดทำแบบจำลองธุรกิจ การประเมินผลสินค้า/บริการ การดูแลจัดการพัฒนาและรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การอนุญาตให้ใช้งานแอปพลิเคชันและระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การดำเนินการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของบริษัท ทั้งโดยเฉพาะและที่ร่วมมือกับบุคคลที่สาม
  11. เพื่อการให้การสนับสนุนทางการเงินและการบริจาคเพื่อทำกิจกรรมทางสังคม CSR ให้การสนับสนุนทางการเงินและการบริจาค (เช่น เงินทุนการศึกษา เงินบริจาค หรือการสนับสนุนเป็นสาธารณประโยชน์อื่นๆ)
  12. เพื่อการปกป้องประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อการสอดส่อง ดูแลและรักษาความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ของบริษัท การตรวจสอบและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ การก่อตั้ง การปฏิบัติตาม การใช้ สิทธิ การยกขึ้นต่อสู้และ/หรือการดำเนินการตามกฎหมายอื่นใดซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัท (รวมถึงการใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมาย การใช้ข้อมูลประกอบการแจ้งความร้องทุกข์ การเจรจาไกล่เกลี่ยการฟ้องร้องดำเนินคดี และการยุติคดี)
  13. เพื่อป้องกันหรือระงับเหตุอันตรายการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยของอาคารสถานที่
  14. เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลสถิติเกี่ยวกับประชากร บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมลูส่วนซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลระบุตัวตนบุคคลของท่านได้ เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์ วิจัยหรือทำสถิติเพื่อเป็นข้อมูลสถิติเกี่ยวกับประชากร และ/หรือรายงานหรือข้อมูลเชิงสถิติอื่นๆ
  15. เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายและ/หรือระเบียบนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานราชการหรือหน่วยงาน กำกับดูแลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งของหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจ การนำส่งข้อมูลให้ผู้ตรวจสอบบัญชี การนำส่งข้อมูลภาษีหัก ณ ที่จ่าย
  16. วัตถุประสงค์สำหรับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนความบกพร่องทางร่างกาย (ความพิการ) และข้อมูลสุขภาพ (เช่น สำนาบัตรประจำตัวผู้พิการ ประเภทความทุพพลภาพ หนังสือรับรองจากสมาคมคนพิการ) ทั้งนี้เพื่อการเสนอขายและให้บริการอย่างเหมาะสม รวมทั้งการสื่อสารกับลูกค้าเพื่อสอบถามคุณภาพในการให้บริการบริหารจัดการด้านการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม เพื่อการรับและการตรวจสอบคำสั่งซื้อและ/หรือสั่งจ้างใช้สินค้า/บริการ รวมทั้งการยืนยันตัวตนเพื่อการพิจารณาคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของบริษัท ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ ภาพถ่ายจำลองใบหน้า) ในการใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันเพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตน

ในกรณีที่ท่านเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท และ/หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลของนิติบุคคลที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้ด้วย

เพื่อการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น การพิจารณาคุณสมบัติ การคัดเลือกพันธมิตรทางธุรกิจ การพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล การตรวจสอบข้อมูล (เช่น การตรวจสอบบุคคลที่ถูกกำหนด (Sanction List) และบุคคลเฝ้าระวัง (Watch List) การตรวจสอบ ธุรกรรมการทิ้งงาน การตรวจความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) และการตรวจสอบผลประโยชน์ทับซ้อน) การพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการของบริษัท การจัดซื้อจัดจ้าง การออกใบสั่งซื้อสั่งจ่าย การเข้าทำนิติกรรมหรือสัญญาที่เกี่ยวข้อง การสร้างบัญชีผู้ใช้งานระบบ การให้สิทธิใช้งานระบบ การส่งเรื่องขอเปลี่ยนตัวพนักงานรักษาความปลอดภัย การส่งเรื่องขอเปลี่ยนตัวพนักงานรักษาความสะอาด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเข้าทำสัญญา การค้ำประกันความรับผิด การเปลี่ยนแปลงหลักประกัน การจัดการคำขอเข้าร่วมเป็นแหล่งเงินกู้ระยะยาว การขึ้นบัญชีผู้ประกอบการ และ/หรือ การเปลี่ยนแปลงคำร้องต่างๆ การจัดประชุม และ/หรือ การดำเนินงานอื่นใดอันเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของพันธมิตรทางธุรกิจ การพิจารณาต่อสัญญา การพิจารณาโทษ

หากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม การใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบและอาจขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ต้อง ได้รับความยินยอม และหากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม การใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะทำการบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

10. ประเภทบุคคลที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน


ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 9 ข้างต้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ประเภทของบุคคลผู้รับข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเป็นการทั่วไป เฉพาะบุคคลผู้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่ท่านใช้งานหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้

  1. ให้บริการภายนอก เช่น ผู้ให้บริการทำนิติกรรม, ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์, ผู้ให้บริการศึกษาข้อมูล, ผู้ให้บริการติดตามทวงถามหนี้, ผู้ให้บริการรับชำระเงิน, ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลลูกค้า, ผู้ให้บริการทางการตลาดที่ให้บริการบริหารช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น
  2. พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการให้สิทธิประโยชน์ลูกค้า, เว็บไซต์ของพันธมิตรทางธุรกิจ, ตัวแทนรับชำระเงิน เป็นต้น
  3. หน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมสรรพากร, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค, หน่วยงานศาลยุติธรรม, สำนักงานประกันสังคม, กรมบังคับคดี, กรมการปกครอง เป็นต้น
  4. ช่องทางอื่นๆ นอกจากที่ระบุไว้ข้างต้น เช่น บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด, ทนายความผู้ลงลายมือชื่อ, ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ, บุคคลที่สามตามสภาพแวดล้อม และ/หรือ บุคคลที่ถูกอ้างถึง,  ผู้ให้บริการฐานข้อมูล, แหล่งข้อมูลสาธารณะ (เช่น พระราชกิจจานุเบกษาฯ,BOL, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) เป็นต้น

11. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ


บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ เช่น ไปยังผู้ให้บริการประสานงานกับลูกค้าที่อยู่ใน ต่างประเทศในการทำธุรกรรมกับบริษัท ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อการติดต่อประสานงาน เก็บรวบรวมข้อมูล และประสานงานกับลูกค้าในการทำนิติกรรม สถานกงสุล/สถานทูตไทย ในต่างประเทศ ณ ประเทศที่ลูกค้าอยู่ หน่วยงานจัดเก็บภาษีอากรในต่างประเทศซึ่งผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลบางรายอาจอยู่ในประเทศปลายทางหรือเป็นองค์การระหว่างประเทศที่ยังไม่ได้รับการรับรองว่ามีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเทียบเท่ากับมาตรฐานที่กำหนดไว้ในประเทศไทย ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัท มีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้รับข้อมูล ส่วนบุคคลที่อยู่ในประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ยังไม่ได้รับการรับรองว่ามีมาตรฐานเทียบเท่าประเทศไทยดังกล่าว บริษัทจะปฏิบัติตามขั้นตอนและมาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความปลอดภัย หรือเป็นกรณีที่การโอนดังกล่าวได้รับอนุญาตให้สามารถกระทำได้ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเข้าทำสัญญากับผู้รับข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐานการคุ้มครองที่เหมาะสมเทียบเท่ากับมาตรฐานที่กำหนดไว้ในประเทศไทย

12. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัท จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้ทราบในนโยบายนี้ โดยบริษัทจะจัดให้มีการตรวจสอบเพื่อให้สามารถดำเนินการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือนานกว่านั้น เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือตามที่ท่านร้องขอ หรือที่ท่านได้ถอนความยินยอมแล้วตามเงื่อนไขทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลานานกว่านั้นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับ ตลอดจนการปฏิบัติตามนโยบายภายในของบริษัทและตามความจำเป็นอื่น

13. การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วง


ในกรณีที่มีความจำเป็น บริษัทอาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของบริษัท ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่างๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น

การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะจัดให้มีข้อตกลงระบุสิทธิและหน้าที่ของบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของบุคคลที่บริษัทมอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่สถาบันมอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของบริษัทเท่านั้น โดยไม่สามารถประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้

ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้ บริษัทจะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วง ในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่างบริษัทกับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

14. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล


เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทได้มีมาตรการดังนี้

  1. กำหนดสิทธิในการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการแสดงหรือยืนยันตัวบุคคลผู้เข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามแนวนโยบายสารสนเทศของบริษัทอย่างเคร่งครัด
  2. ในการส่ง การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ รวมถึงการนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บบนฐานข้อมูลในระบบอื่นใด ซึ่งผู้ให้บริการรับโอนข้อมูลหรือบริการเก็บรักษาข้อมูลอยู่ต่างประเทศ ประเทศปลายทางที่เก็บรักษาข้อมูลต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่าหรือดีกว่ามาตรการตามนโยบายนี้
  3. ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัท จนเป็นเหตุให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษัทจะดำเนินการแจ้งเจ้าของข้อมูลให้ทราบโดยเร็ว รวมทั้งแจ้งแผนการเยียวยาความเสียหายจากการละเมิด หรือการรั่วไหลของข้อมูลสู่สาธารณะในกรณีที่เกิดจากความบกพร่องของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบในกรณีความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบุคคลที่สาม รวมถึงการละเลย หรือเพิกเฉยการออกจากระบบ (Log out) ฐานข้อมูล หรือระบบสื่อสารสังคมออนไลน์ของบริษัท โดยการกระทำของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลอื่นซึ่งได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
  4. บริษัทมีการดำเนินการสอบทานและประเมินประสิทธิภาพของระบบรักษาข้อมูลส่วนบุคคล โดยหน่วยงานตรวจสอบภายใน

15. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน


บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องตามความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทตามที่ระบุในข้อ 4. (วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท) ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้อาจอยู่ในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทยก็ได้ บริษัทแนะนำให้ท่านตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจว่าเครือข่ายผู้รับข้อมูล ส่วนบุคคลดังกล่าวดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน ก่อนที่จะได้รับความยินยอม เว้นแต่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือมาตรา 26

ทั้งนี้ กรณีที่การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากท่านก่อน บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ในกรณีที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอก บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกนั้น จำเป็นต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัททราบก่อน และจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านต้องให้ความยินยอมเสียก่อน และต้องไม่นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่ได้ให้ไว้แก่บริษัท

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แก่บุคคลภายนอกผู้ร่วมวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ การทำวิจัยหรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ การบริหารกิจการ และการส่งเสริมการตลาด เช่น การประชาสัมพันธ์กิจกรรม ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ให้แก่ท่าน

ในกรณีที่บริษัทใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม บริษัทจะบันทึกการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการตรวจสอบในภายหน้าได้

16. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัทได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ กำกับและให้คำแนะนำในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

17. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล


พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. สิทธิในการเข้าถึง ท่านมีสิทธิเข้าถึง และ/หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลและกรณีที่การขอเข้าถึงและรับสำเนาของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทอาจขอให้ท่านยืนยันตัวตนก่อนการให้ข้อมูลตามที่ท่านร้องขอ
  2. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท หากข้อมูลนั้นไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์หรือไม่ครบถ้วน ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือไม่เป็นปัจจุบัน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  3. สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ในรูปแบบที่ได้มีการจัดระเบียบ และสามารถอ่านหรือใช้งานได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมีสิทธิขอให้บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นภายใต้ เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
  4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของบริษัท)
  5. สิทธิในการระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในบางกรณี
  6. สิทธิในการถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัท เพื่อการเก็บรวบรวมใช้ เปิดเผยและ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ทุกเมื่อ เว้นแต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับสิทธิที่จะถอนความยินยอมตามที่กฎหมายกำหนด หรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน
  7. สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัท ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในลักษณะที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
  8. สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแล หากท่านเห็นว่าบริษัทหรือบุคคลอื่นซึ่งดำเนินการแทนในความรับผิดชอบของบริษัท เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัท ใคร่ขอให้ท่านโปรดติดต่อบริษัท เพื่อให้บริษัท ได้มีโอกาสรับทราบข้อเท็จจริง ชี้แจง ตลอดจนดำเนินการแก้ไขข้อกังวลของท่าน ก่อนที่ท่านจะติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หากท่านมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิของท่านตามที่ระบุข้างต้น โปรดติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามรายละเอียดท้ายนโยบายนี้ บริษัทจะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำขอใช้สิทธิจากท่านตามแบบฟอร์มหรือวิธีการที่บริษัทกำหนด

ทั้งนี้ การใช้สิทธิของท่านตามที่ระบุไว้ข้างต้นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมายและข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้อง โดยในบางกรณี บริษัทอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น ในกรณีที่บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามคำสั่งศาล ทั้งนี้ หากบริษัทปฏิเสธคำขอของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุผลให้ท่านทราบ

18. โทษของการไม่ปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


การไม่ปฏิบัติตามนโยบายอาจมีผลเป็นความผิดและถูกลงโทษทางวินัยตามกฎเกณฑ์ของ บริษัท (สำหรับพนักงาน ลูกจ้างหรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัท) หรือตามข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ทั้งนี้ ตามแต่กรณีและความสัมพันธ์ที่ท่านมีต่อบริษัท และอาจได้รับโทษตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมทั้งกฎหมายลำดับรอง กฎ ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้อง

19. การเชื่อมต่อเว็บไซต์หรือบริการภายนอก


เว็บไซต์ของสถาบันอาจมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าวอาจมีการประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่มีเนื้อหาสาระแตกต่างจากประกาศนี้ บริษัทขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเครือข่ายสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์ม เว็บไซต์ หรือบริการที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ หรือบริการออนไลน์ของบริษัทฯ(หากมี) เพื่อทราบในรายละเอียดก่อนการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ บริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีอำนาจควบคุมถึงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าวและไม่สามารถรับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม

20. การปรับปรุงแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามที่เห็นสมควร โดยบริษัทจะทำการแจ้งนโยบายฉบับปรังปรุงแก้ไขแล้ว ให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.sounddd.shop โดยมีวันที่ของเวอร์ชั่นล่าสุดกำกับไว้  และอาจขอความยินยอมจากท่านในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอม เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบนโยบายฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งก่อนใช้บริการ เพื่อตรวจดูการแก้ไขหรือปรับปรุงนโยบายนี้

การเข้าใช้งานสินค้าหรือบริการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโยบายนี้ ทั้งนี้ โปรดหยุดการใช้งานหากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในนโยบายฉบับนี้ หากท่านยังคงใช้งานต่อไปภายหลังจากที่นโยบายนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว ถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

21. การติดต่อสอบถาม


หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

  • บริษัท เอสพีเค ซาวด์ ซิสเต็มส์ จำกัด
  • สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 7 ถ.ชัยพฤกษ์ แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กทม. 10170
  • อีเมล: [email protected]
  • เว็บไซต์: www.sounddd.shop
  • เบอร์โทรศัพท์: 02-435-8998

หากท่านต้องการขอถอนความยินยอมในการเก็บข้อมูล
โปรดติดต่อเราที่แบบฟอร์มด้านล่างนี้

    แจ้งร้องเรียน เรื่องต่างๆ

    บริษัทเราได้รับการรับรอง และผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเราจะมีการประชาสัมพันธ์ แจ้งข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่น สินค้าต่างๆ หากเรารบกวนคุณ ไม่ว่าจะทางช่องทางใดๆ เช่น โทรศัพท์ ,อีเมล์ ,Facebook ,Line ท่านสามารถยื่นเรื่อง แจ้งความประสงค์ได้ที่แบบฟอร์มนี้เช่นกัน

    ท่านลูกค้าสามารถโทรศัพท์ไปยังหมายเลข 02-435-8998 ต่อ 1 หรือ ส่งอีเมล : [email protected] หรือ กรอกผ่านแบบฟอร์มด้านล่าง โปรดระบุข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ติดต่อกลับหาท่านได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 24 ชม. ครับ