สารบัญ

• Sound Card คืออะไร?
• หน้าที่หลักของซาวด์การ์ด
• ประเภทของของซาวด์การ์ด
• ควรเลือกซื้อซาวด์การ์ดอย่างไรดี?
• ซาวด์การ์ด กับ DAC ต่างกันอย่างไร?
• สรุป

Sound Card คืออะไร?

Sound Card (ซาวด์การ์ด) หรือ การ์ดเสียง คือชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ที่ประมวลผลสัญญาณเสียง มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ได้ยินเสียงผ่านลำโพงหรือหูฟัง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างเสียงดิจิตอลของคอมพิวเตอร์กับเอาต์พุตเสียงแบบอนาล็อก เพื่อมอบเสียงในการฟังเพลง เล่นเกม หรือชมภาพยนตร์ ซาวด์การ์ดคุณภาพสูงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการฟังได้เป็นอย่างมาก โดยให้เสียงที่ชัดเจน มีรายละเอียด พร้อมไดนามิกที่ดีขึ้นและย่านความถี่ที่กว้างขึ้น ช่วยลดสัญญาณรบกวน มอบอรรถรสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์

หน้าที่หลักของซาวด์การ์ด

หน้าที่หลักของการ์ดเสียงคือ แปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณเสียง โดยคอมพิวเตอร์นั้นเก็บข้อมูลเสียงในรูปแบบดิจิตอล ซาวด์การ์ดจะแปลงข้อมูลดิจิตอลให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าที่อุปกรณ์เสียงสามารถเข้าใจได้ นอกจากนี้ ซาวด์การ์ดที่ดีจะช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นชัดเจน สมจริง โดยเฉพาะการฟังเพลง เล่นเกม หรือชมภาพยนตร์ และการ์ดเสียงบางรุ่นนั้นรองรับระบบเสียงหลายแบบ เช่น ระบบเสียง 5.1, 7.1 หรือ Dolby Atmos รวมถึงช่วยให้บันทึกเสียงคุณภาพสูงได้ เหมาะสำหรับนักดนตรี นักพอดแคสต์ หรือผู้ใช้งานทั่วไป

ประเภทของของซาวด์การ์ด

ซาวด์การ์ด มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ แบบออนบอร์ด และ แบบแยก แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

• ซาวด์การ์ดแบบออนบอร์ด (Internal)
  ซาวด์การ์ดภายใน หรือ ออนบอร์ด เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งลงบนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์โดยตรง คอมพิวเตอร์ทั่วไปนั้นจะมีซาวด์การ์ดแบบออนบอร์ดมาด้วยอยู่แล้ว โดยซาวด์การ์ดแบบออนบอร์ดเชื่อมต่อผ่านช่องเสียบ PCI หรือ PCIe มักจะให้คุณภาพเสียงที่สูงกว่าและคุณสมบัติขั้นสูงมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับซาวด์การ์ดแบบแยก
• ซาวด์การ์ดแบบแยก (External)
  เป็นซาวด์การ์ดที่ผลิตออกมาแยกต่างหาก สามารถซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมด้วยการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB หรือ Thunderbolt พกพาได้สะดวกและมีความยืดหยุ่น สามารถสลับใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ซาวด์การ์ดแบบแยกมีให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา เป็นที่นิยมสำหรับนักเล่นเกม ผู้ใช้แล็ปท็อป และผู้ที่ต้องการอัพเกรดคุณภาพเสียงโดยไม่ต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
  

ควรเลือกซื้อซาวด์การ์ดอย่างไรดี?

1. ความเข้ากันได้
   ตรวจสอบว่า ซาวด์การ์ด รองรับระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ โดยดูจาก slots และการเชื่อมต่อที่มีอยู่บนเมนบอร์ดหรือพอร์ตบนแล็ปท็อป รวมถึงความเข้ากันได้ของระบบปฏิบัติการและการรองรับไดรเวอร์ด้วย
2. คุณภาพเสียงและอัตราการสุ่มตัวอย่าง (Sample Rate)
   คุณภาพเสียงซาวด์การ์ด ขึ้นอยู่กับตัวแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก (DAC) และตัวแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นดิจิตอล (ADC) เลือกซาวด์การ์ด ที่มี DAC และ ADC คุณภาพสูง รองรับอัตราการสุ่มตัวอย่าง (Sample Rate) ที่หลากหลาย โดยอัตราการสุ่มตัวอย่างที่สูงจะให้ความเที่ยงตรงของเสียงที่ดีกว่าและช่วยให้สามารถสร้างสัญญาณเสียงได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
3. จำนวนช่องสัญญาณเสียงและความสามารถด้านเสียงรอบทิศทาง
   จำนวนช่องสัญญาณเสียง หรือ แชนเนลเสียง ที่ซาวด์การ์ดรองรับส่งผลต่อการวางตำแหน่งของเสียงรอบทิศทาง หากต้องการรับเสียงแบบรอบทิศทาง ควรเลือกซาวด์การ์ด ที่รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง 5.1 หรือ 7.1 
4. การเชื่อมต่อและพอร์ต
   เลือกซาวด์การ์ด ที่มี Output เสียงที่หลากหลาย เช่น RCA, ช่องแจ็ค 3.5 มม. และ Output แบบ optical นอกจากนี้หากเรามีความต้องการที่จะเชื่อมต่ออุปกรณ์เสียงภายนอก ให้ตรววจสอบซาวด์การ์ด ว่ามี Input ที่จำเป็น เช่น พอร์ตไมโครโฟน และ พอร์ต line-in หรือไม่
5. การรองรับซอฟต์แวร์และไดรเวอร์
   ซอฟต์แวร์และการรองรับไดรเวอร์สำหรับ ซาวด์การ์ด ส่งผลต่อการทำงานและความสะดวกในการใช้งาน ตรวจสอบว่าผู้ผลิตมีการอัพเดทไดรเวอร์อย่างสม่ำเสมอและมีอินเตอร์เฟซซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่ายสำหรับปรับแต่งการตั้งค่าเสียง ซาวด์การ์ดบางแบรนด์จะรับประกันความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการล่าสุดและสามารถเข้าถึงคุณสมบัติเสียงขั้นสูง
6. งบประมาณและราคา
   การ์ดการ์ดในท้องตลาดนั้นมีหลายรุ่นหลายราคา ดังนั้นจึงควรจัดงบประมาณก่อนตัดสินใจซื้อ การ์ดการ์ดราคาสูงมักจะมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าและคุณสมบัติขั้นสูงกว่า แต่ก็มีการ์ดการ์ดราคาประหยัดที่ให้คุณภาพเสียงดีกว่าระบบเสียงแบบออนบอร์ด พิจารณาความต้องการด้านเสียงของคุณและจัดสรรงบประมาณตามความเหมาะสม

Sound Card กับ DAC ต่างกันอย่างไร

ซาวด์การ์ด และ DAC ต่างมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญญาณเสียง แต่มีรายละเอียดและจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

• ซาวด์การ์ด
  ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณเสียงอนาล็อก ขยายสัญญาณเสียงให้มีกำลังขับสูงพอสำหรับลำโพงหรือหูฟัง และประมวลผลเสียงเพื่อเพิ่มคุณภาพ เช่น ปรับแต่ง EQ, เพิ่มเอฟเฟคเสียง มักมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดี ต้องการควบคุมการตั้งค่าเสียงอย่างละเอียด
• DAC
  ย่อมาจาก Digital-to-Analog Converter ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณเสียงอนาล็อกเท่านั้น ไม่ได้ขยายสัญญาณเสียงและต้องการแอมป์แยกต่างหาก มักไม่มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เพราะเน้นการแปลงสัญญาณเสียงให้ได้คุณภาพสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด เน้นฟังเพลง

สรุป

ซาวด์การ์ด คือฮาร์ดแวร์ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ได้ยินเสียงผ่านลำโพงหรือหูฟัง หากคุณภาพเสียงที่ได้จาก ซาวด์การ์ดที่มีมาให้ในคอมพิวเตอร์ยังไม่ตอบโจทย์สำหรับคุณ การเลือกซื้อซาวด์การ์ดคุณภาพสูงจะช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงให้คมชัด มีมิติและรายละเอียดเสียงมากขึ้น รวมถึงการรองรับความสามารถด้านเสียงรอบทิศทาง ทำให้เราเต็มอิ่มกับการฟังเพลง ชมภาพยนตร์ และเล่นเกมมากขึ้น