ลำโพงไลน์อาร์เรย์ (Line Array) คืออะไร?
สำหรับลำโพงแขวน Line-Array ก็ถือว่าเป็นลำโพงที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ลำโพงแบบ พ้อยท์ซอซ (Point Source) จะเป็นที่นิยมอย่างมากก็ตาม
อย่างไรก็ดีด้วยข้อจำกัดหลายอย่างของลำโพงแบบ พ้อยท์ซอซ (Point Source) ทำให้ไม่สามารถตอบโจทย์กับงานหรือไลท์สไตส์ในปัจจุบัน ที่ต้องการความรวดเร็ว ความกระทัดรัด การเซ็ทอัพที่มีความรวดเร็วแม่นยำในการกระจายเสียง ทำให้ปัจจุบันผู้ให้เช่าเกี่ยวกับระบบเสียง ต่างหันมาใช้ลำโพงแบบ Line Array ซึ่งให้ภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัยมากกว่า และอีกหลายปัจจัย ที่ทำให้ต้องหันมาใช้ลำโพงลายอาเรย์ไว้ใช้งาน ก็เพราะลำโพงลายอาเรย์ คือ ลำโพงที่วางตัวในลักษณะเรียงตัวเป็นแนวยาว ซึ่งส่วนมากจะแขวนเป็นแนวดิ่ง ส่วนมากนิยมแขวนบริเวณที่สูง (การ FLYING ฟรายอิง) เพื่อให้ได้มุมกระจายเสียงที่ครอบคลุมแอเรียหรือพื้นที่ตามต้องการ
หรือบางที ด้วยขนาดของพื้นที่หรือลักษณะของงานอาจจะไม่แขวนลำโพง ลำโพงลายอาเรย์ บนที่สูงเสมอไป อาจจะวางกับพื้นแล้วปรับตั้งองศาของลำโพงเอียงขึ้นมาหาผู้ฟังบนอัฒจรรย์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เราจะเห็นบ่อยในสนามกีฬา เป็นต้นเรียกการติดตั้งแบบนี้ว่า กราวด์สแต็ค(Ground stack) นั่นเองครับ
ลำโพงไลน์อาร์เรย์ ในปัจจุบันมีมากมายหลายแบรนด์ส่วนใหญ่ก็จะมีโรงงานผลิตที่ประเทศจีน มีทั้งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วที่ย้ายฐานผลิตมาอยู่ที่จีน หรือหลายค่ายในบ้านเราก็สั่งผลิตแบบ OEM มาเป็นแบรนด์ตัวเองก็มีเยอะครับ หรือบางค่ายก็ยังมีผลิตทางฝั่งยุโรปและอเมริกาอยู่ ซึ่งจะผลิตที่ใหนก็ไม่ได้จำกัดเรื่องของคุณภาพแต่อย่างใด
ซึ่งปัจจุบันต้องบอกว่าลำโพงแบบไลน์อาเรย์ มีตั้งแต่ขนาดเล็กๆไปจนถึงขนาดใหญ่ 15 นิ้ว ซึ่งมีทั้ง 2 way และ 3 way ให้เลือกใช้งาน และที่สำคัญลำโพงแบบลายอาร์เรย์ มีทั้งแบบพาสซีพไม่มีแอมป์ขยาย และแบบแอคทีฟแบบมีแอมป์ขยายในตัว ซึ่งแบบแอคทีฟส่วนมากก็จะมี DSP(ดิจิตอลโปรเซสเซอร์) มาพร้อมให้ปรับใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ครอสโอเวอร์ คอมเพรสเซอร์ ลิมิตเตอร์ หรือ ไทม์ดีเลย์ ก็สามารถจัดการได้แบบสะดวกและรวดเร็วและมีประสิทธิภาพผ่านระบบเชื่อมต่อผ่านคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อื่น
ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย ซึ่งสอดคล้องกับวงการเครื่องเสียงบ้านเราที่มีการแข่งขันกันอย่างสูง จะเห็นว่าไม่ว่างานขนาดเล็กๆตามชุมชน หมู่บ้าน จนถึงงานระดับโปรเฟสชั่นเนลก็จะใช้ลำโพงแบบ Line-Array กันทั้งนั้น แต่ลำโพง Line-Array ก็จะมีสแตนดาร์ดที่ควรจะมีอยู่ครับ ไม่ใช่เอาลำโพงอะไรก็ได้ไปแขวนก็จะเรียกว่าเป็นลำโพง Line-Array ทั้งหมด
ลำโพงไลน์อาร์เรย์ นอกจากจะมีแบบ Passive และ Active แล้ว ยังจำแนกแยกแยะออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน
1. เนียร์ฟิว (Near-Field) คือ ลำโพงลายน์อาเรย์ ที่ใช้ในการกระจายเสียงระยะใกล้ เพื่อให้เสียงครอบคลุมพื้นที่ระยะใกล้บริเวณหน้าเวทีเพื่อลดจุดบอดของเสียงที่จะเกิดขึ้นนั่นเองครับ
2. ฟาร์ฟิว (Far-Field) คือ ลำโพงลายน์อาเรย์ ที่ใช้ในการกระจายเสียงระยะไกลสำหรับผู้ฟังระยะไกล ซึ่งลำโพงแบบ Farfield ก็จะถูกกำหนดให้กระจายเสียงไปในทิศทางหรือโซนที่ถูกกำหนดไว้โดยเอ็นจิเนีย
ในลำโพง Line Array ระดับ Professional ที่มีความนิยมก็จะมีโปรดักส์ไว้รองรับทั้ง เนียร์ฟิว(NearField) และ ฟาร์ฟิว(FarField) Line Array Lound Speaker จุดประสงค์เพื่อเป็น Full System Set นอกจากนี้นอกจากตู้ Mid-Hi แล้ว Line-Array ระดับ Professional ก็จะออกแบบทั้งตู้ Mid-Low และตู้ Sub ที่เป็นซีรีย์เดียวกันด้วยเพื่อการเซ็ทอัพที่ง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แต่ส่วนมากบ้านเราจะใช้ลำโพงแบบยิงไกลซะส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังพบการสั่งประกอบตู้ซับชนิดแรงๆกระแทกตับ 555 ชนิดแบบจุกอกหายใจไม่ออก มาใช้ร่วมกันกับลำโพง FarField ซึ่งปัญหาที่เจอคือให้เสียงที่มีรอยต่อ ไม่เป็นก้อนเดียว กลางแหลมเสียงไปอีกแบบ ลำโพงซับมีโทนเสียงอีกแบบ ซึ่งการใช้ลำโพงแบบค่ายผสมนี้บอกได้เลยว่าปรับให้แมชชิ่งกันค่อนข้างยาก
ส่วนลำโพงแบบ เนียร์ฟิว Line Array ในคอนเสิร์ตระดับใหญ่ๆ หรืองานระดับ Professional จะพบลำโพง เนียร์ฟิว Line Array ด้วย แต่ที่นิยมและเห็นบ่อยในบ้านเราคือระบบ FrontField ที่มักจะใช้ลำโพงทั่วไปหรือลำโพงพ้อยท์ซอซมาวางตั้ง เพื่อช่วยลดจุดบอดด้านหน้าของเวทีแทน
โดยปกติมาตรฐานลำโพงแบบ ไลน์อาร์เรย์ ถูกออกแบบให้ผู้ใช้สามารถต่อพ่วงกันได้ทีละหลายๆใบอยู่แล้ว เพื่อรองรับตามสเกลงาน ถึงกระนั้นถึงจะต่อลำโพงกี่ใบก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็น 4 ใบต่อข้างหรือ 24 ใบต่อข้าง Line Array ที่ดีก็จะให้เสียงเป็นก้อนเดียวแบบไร้รอยต่อ เสมือนเราฟังลำโพงแค่ใบเดียว ถึงแม้ความเป็นจริงในระบบเราจะพ่วงต่อลำโพงจำนวนหลายใบก็ตาม
ลำโพง ลำโพงไลอาร์เรย์ ที่มีขนาดเท่ากันและตอบสนองความถี่เดียวกัน ต่อพ่วงเรียงเป็นแนวเดียวกัน โดยจุดมุ่งหมายหลักเพื่อให้มีความดังที่เพิ่มมากขึ้นหรือมีค่า SPL ที่สูงขึ้น และความเข้มของเสียงที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เพื่อให้รองรับกับจำนวนผู้ชมผู้ฟังตามสเกลงานต่างๆที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่ว่าผู้ฟังจะอยู่จุดใหนก็จะได้ยินเสียงที่ออกมาใกล้เคียงกัน แต่โทนเสียงหรือคาเรคเตอร์ของตู้ลำโพง ลำโพงไลอาร์เรย์ จะไม่เปลี่ยนโทนเสียงไป นี่คือ Line-Array System ที่ควรจะเป็น
หากการต่อพ่วงกันของตู้ลำโพงจำนวนหลายใบทำให้เกิดสีสันหรือคัลเลอร์ของเสียงที่มากหรือลดลงช่วงความถี่ใดความถี่หนึ่ง พูดง่ายๆคือเสียงผิดเพี้ยนไปจากเดิมก็คงจะเป็นอะไรที่ไม่ใช่มาตรฐานที่ควรจะเป็นสำหรับระบบ Line-Array System
ในช่วงท้ายเราจะมาดูจุดเด่นระหว่าง Passive Line-Array และ Active Line-Array กันนะครับว่ามีอะไรบ้างเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการชั่งน้ำหนักจัดซื้อลำโพง Line-Array มาใช้งาน
จุดเด่น ลำโพงไลน์อาร์เรย์ แบบ Passive (ไม่มีแอมป์ขยายในตัว ต้องใช้เครื่องขยายเสียง)
- สามารถเลือกแอมป์ขยายเสียงที่เราชื่นชอบและคิดว่าแมชกับลำโพงได้อย่างอิสระเพื่อมาขับลำโพง Line-Array แบบ Passive
- ราคาต่อใบมีราคาประหยัดกว่าถูกกว่า Active Line-Array ในสเปคซีรีย์เดียวกัน
- ต่อเฉพาะสายลำโพง ไม่ต้องต่อหรือเดินสายไฟและสายสัญญาณเสียงมาที่ตู้ลำโพง
- ขนย้ายอุปกรณ์จำนวนมาก เช่น ตู้ลำโพง แอมป์ขยาย โปรเซสเซอร์ ต่างๆทำให้การติดตั้งเซ็ทอัพใช้ระยะเวลายาวนาน
จุดเด่น ลำโพงไลน์อาร์เรย์ แบบ Active (มีแอมป์ขยายในตัว อาจไม่ต้องจำเป็นต้องใช้เครื่องขยายเสียงเพิ่ม)
- เป็นลำโพงที่ให้ความสะดวกและรวดเร็วในการติดตั้งอย่างยิ่ง ลดภาระในการขนย้ายอุปกรณ์เสียงและ เครื่องขยายเสียงจำนวนมากมาย
- ลดจำนวนของสายสัญญาณในการต่อพ่วง ลดระยะเวลาในการติดตั้ง ทำให้ประหยัดเวลา
- ตอบสนองแม่นยำ แอมป์กับลำโพง ออกแบบมาโดยเฉพพาะทำให้แมชชิ่งกัน ง่ายต่อการเซ็ทอัพและง่ายต่อการคอลโทรล
- หากตู้ได้รับความเสียหายต้องยกไปทั้งใบเพื่อซ่อมแซมบำรุง
- ราคาต่อใบมีราคาสูงกว่า ลำโพงไลน์อาร์เรย์ แบบ Passive
ไม่ว่าจะเป็นลำโพงแบบมีแอมป์และไม่มีแอมป์ ก็ไม่มีอะไรเพอร์เฟ็ค ไปซะทุกอย่าง ลำโพงทั้งสองแบบมีทั้งจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบจุดเด่นที่ตรงประเด็นหรือตรงคอนเซ็ปกับสเกลงานของเราหรือไม่ ตอบโจทย์ลักษณะงานของเรามากน้อยเพียงใด และยอมรับกับข้อจำกัดของลำโพงแต่ละแบบได้หรือไม่ นี่ต่างหากที่สำคัญ