คุณภาพเสียงที่ชัดเจนอย่างดี

เสียงที่ได้รับการพัฒนาและการปรับแต่งเทคโนโลยีที่มีอยู่จากรุ่นก่อนๆให้ละเอียดยิ่งขึ้น และส่วนประกอบใหม่ล่าสุด วนอินพุตช่องสัญญาณมาพร้อมกับตัวแปลง A/D คุณภาพสูง 32 บิตสำหรับเทคโนโลยี ESS เพื่อเสียงที่คมชัดและมีความละเอียดสูงในขณะที่ส่วนเอาต์พุตหลักและบูธใช้ตัวแปลง D/A คุณภาพสูง 32 บิตจาก แบรนด์เดียวกันเพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์เสียงจากมอนิเตอร์บูธแบบเดียวกันแม้แต่คุณภาพเสียงของอินพุตไมโครโฟนและเอาต์พุตหูฟังก็ยังได้รับการปรับปรุงด้วยชิ้นส่วนใหม่ที่คัดสรรมาอย่างดีและการเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบ

พัฒนาความสามารถในการเล่น

ระยะห่างที่เพิ่มขึ้นรอบๆ ปุ่ม EQ ช่วยให้มีพื้นที่ในการบิดนิ้ว และไฟ LED สว่างคุณภาพสูงในส่วนช่องสัญญาณ ทำให้มองเห็นระดับเสียงได้ง่ายกว่าที่เคย สามารถแสดงได้แบบไดนามิกมากขึ้นกว่าเดิมด้วยการตอบสนองความถี่ของตัวแยกเสียง ซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดและด้วยคุณภาพที่สูงกว่า ชาแนลเฟดเดอร์ที่นุ่มนวลกว่า DJM-900NXS2 บวกกับครอสเฟดเดอร์ MAGVEL FADER รุ่นที่สาม สามารถเพลิดเพลินกับการผสมผสานที่นุ่มนวลและการใช้งานที่รวดเร็วและมั่นคง

Beat FX ขั้นสูงใหม่

จอแสดงผลสีใหม่ช่วยให้เข้าใจสถานะของเอฟเฟกต์ที่เลือกได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และมีแสงที่สอดคล้องกับการจัดเรียงแนวนอนของ X-Pad ช่วยให้ควบคุมได้ง่ายขึ้นด้วยการเลื่อนนิ้วง่ายๆ สามารถใช้ X-Pad เพื่อเปลี่ยนเอฟเฟ็กต์ Echo และ Ping Pong เพื่อสร้างเสียงสไตล์เทปแอนะล็อกที่เป็นเอกลักษณ์ และภายใน Beat FX มีทั้งหมด 14 แบบ พร้อม 3 FXใหม่ (Mobius, Triplet Filter และ Triplet Roll) ช่วยให้สามารถใช้เอฟเฟ็กต์ที่เลือกได้อย่างรวดเร็ว

ไมโครโฟนที่ได้รับการปรับปรุง

สามารถเชื่อมต่อไมโครโฟนคอนเดนเซอร์คุณภาพสูง ด้วย Phantom เข้ากับ DJM-A9 ได้โดยตรง มีเอฟเฟกต์ไมโครโฟนใหม่ 3 แบบ (Echo, Pitch, Megaphone) พร้อมเอฟเฟกต์รีเวิร์บโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถปรับแต่งเสียงได้ตามต้องการ

การเปิดหรือปิดอินพุตไมโครโฟนทำได้รวดเร็วและง่ายดายด้วยปุ่ม Push To Talk ใหม่ล่าสุด เมื่อต้องการหยิบไมโครโฟนและพูดกับผู้ฟัง เสียงจากไมโครโฟนสามารถแยกออกจากเอาต์พุตการบันทึกได้

การเชื่อมต่อที่ไกลขึ้น

เชื่อมต่อระบบ PC/Mac ที่แตกต่างกัน 2 เครื่องในเวลาเดียวกันด้วยพอร์ต USB Type-B และ USB Type-C คู่ (มีพอร์ตละ 2 พอร์ต) เพื่อการเปลี่ยนระหว่างดีเจและชุดแบ็คทูแบ็คที่ง่ายดาย และด้วยอินพุต Bluetooth® ที่สามารถกำหนดเส้นทางไปยังช่องใดๆ บน DJM-A9 จึงสามารถวางแทร็กเสียงแบบไร้สายลงในชุดจากอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ทโฟน และใช้คุณสมบัติและเอฟเฟกต์ทั้งหมดของมิกเซอร์เพื่อเปลี่ยนเสียงได้ ส่วน Multi I/O มีตัวเลือกช่องสัญญาณอิสระ ดังนั้นจึงสามารถใช้เอฟเฟกต์ภายนอกแยกจาก Beat FX ได้ ทำให้ DJM-A9 มีความสามารถในการส่งอย่างแท้จริง ซึ่งหมายความว่าสามารถกำหนดเส้นทางเสียงที่ได้รับผลกระทบจากยูนิตภายนอก เช่น RMX-1000 หรือแป้นเหยียบดีเลย์ไปยังช่องอื่นแทนช่องที่มาจากเสียงนั้น

เอาต์พุตหูฟังอิสระคู่และ booth EQ

เสียบหูฟังไปพร้อมกับดีเจคนอื่น และเพลิดเพลินกับอิสระในเล่นช่องที่ต้องการ ด้วยปุ่มคิว ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มมิกซ์บาลานซ์ที่แยกจากกันสำหรับชุดหูฟังแต่ละชุด จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับดีเจ 2 คนในการจัดคิวแทร็กระหว่างการเปลี่ยนชุดและชุดต่อเนื่องกัน นอกจากนี้ ด้วย booth EQ 2 แบนด์ สามารถเปลี่ยนความถี่สูงและต่ำเพื่อเสริมเอาต์พุตหลักและปรับอารมณ์ให้ได้อรรถรส

รองรับแอป Stagehand ใหม่ล่าสุดและฟังก์ชันตรวจสอบเสียงในตัว

DJM-A9 เข้ากันได้กับ Stagehand ซึ่งเป็นแอปการจัดการระยะไกล PRO DJ LINK ตัวแรกในอุตสาหกรรม การใช้ iPad ที่เชื่อมต่อแบบไร้สายกับมิกเซอร์ผ่านเราเตอร์ LAN (มีจำหน่ายแยกต่างหาก) วิศวกรสามารถจับตาดูสิ่งต่างๆ เช่น มิเตอร์วัดระดับ และการใช้ตัวควบคุมของมิกเซอร์ของดีเจ ทำให้ง่ายต่อการเพิ่มการตั้งค่าระบบเสียงให้สูงสุดและเรียกใช้ การแสดงที่นุ่มนวลและอิมแพ็คยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องขัดจังหวะการแสดงของดีเจ หากต้องการดาวน์โหลดแอป Stagehand โปรดไปที่ App Store