ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง (Passive Speaker) ซาวด์ดีดี ช็อป เป็นตัวแทนจำหน่าย อย่างเป็นทางการ จากแบรนด์ชั้นนำของโลกหลากหลายแบรนด์ รับประกันสินค้าทุกตัวของเเท้ 100% ส่งฟรี! ทั่วประเทศ ยินดีให้คำปรึกษาเรื่องระบบเสียง
ลำโพง 12 นิ้ว
ซื้อ 1 ลด 5% | ซื้อ 2 ลด 10%
ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง Passive
ลำโพง 12 นิ้ว
ตู้ลำโพง Passive
ลำโพง 12 นิ้ว
ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง Passive
PEAVEY Impulse 1015 ตู้ลำโพง 15 นิ้ว 2 ทาง 2000 วัตต์ ทนต่อสภาพอากาศ
ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง Passive
QSC E15 ตู้ลำโพงมอนิเตอร์ เวที ตู้ลำโพง 15 นิ้ว 2 ทาง 2000 วัตต์
ลำโพง 12 นิ้ว
ตู้ลำโพง Passive
ตู้ลำโพง Passive จุดเด่น และข้อจำกัด
ตู้ลำโพงประเภทนี้จะสามารถพบเจอได้อยู่บ่อยๆ ทั้งในงานระบบเครื่องเสียงกลางแจ้ง และเครื่องเสียงบ้าน ตั้งแต่ระบบที่มีขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ เป็นประเภทที่ต้องใช้เครื่องขยายเสียง หรือเพาเวอร์แอมปลิไฟเออร์ (Power Amplifier) เป็นตัวขยายสัญญาณเสียง และส่งสัญญาณเสียงออกไปยังตู้ลำโพงประเภท Passive จึงจะสามารถใช้งานได้ ภายในตู้ลำโพงจะไม่มีวงจรอะไรซับซ้อนเลย นอกเสียจากวงจรตัวแบ่งแยกความถี่ หรือ Crossover Network (ภายในตัวตู้) และขั้วต่อสายลำโพง (ที่ด้านหลังตัวตู้ลำโพง)
จุดเด่น…ของตู้ลำโพง Passive
- ตู้ลำโพง Passive หากเรามีความสามารถในการจับคู่ (Matching) กับเครื่องขยายเสียง ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด จะได้คุณภาพเสียงที่ดี รายละเอียดชัดเจน เสียงพุ่งไกล และมีมิติของเสียงที่ดี
- หากเรามีเทคนิคเชิงช่าง เราก็สามารถที่จะอัปเกรดอุปกรณ์ภายในตู้ได้ เช่น สายลำโพง ตัวแบ่งแยกคลื่นความถี่ (Crossover Network) ทำให้เราสามารถเลือกเกรดของอุปกรณ์ต่างๆ และสามารถจัดการได้เองอย่างอิสระ เพื่อให้ตู้ลำโพงมีคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด…นั่นเอง
ข้อจำกัด…ของตู้ลำโพง Passive
- ในทางตรงกันข้าม ตู้ลำโพง Passive หากมีการจับคู่ (Matching) ทั้งตัวอุปกรณ์เครื่องขยายเสียง และตู้ลำโพง ที่ไม่เหมาะสม และไม่เข้ากัน อาจได้คุณภาพเสียงที่ด้อยคุณภาพ หากประสบการณ์ในการจับคู่ของอุปกรณ์ของเรา ไม่ดีเท่าที่ควร อาจได้มาซึงคุณภาพเสียงที่ผิดเพี้ยนไปได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นการจับคู่ของอุปกรณ์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก ต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญ ทั้งเทคนิค และประสบการณ์สูง ในการจับคู่ (Matching) ของอุปกรณ์ให้ใช้งานร่วมกัน
- ในด้านการใช้งาน ไม่เหมาะกับลักษณะงานที่ต้องการความคล่องตัว เพราะต้องขนอุปกรณ์ชนิดต่างๆ จำนวนมาก
- ต้องเสียค่าใช้จ่ายในจำนวนเงินที่สูงในการอัปเกรดอุปกรณ์ในส่วนต่างๆ หากคุณต้องการที่จะได้คุณภาพเสียงจากตู้ลำโพงที่ดีที่สุด
ตู้ลำโพงทั้งในแบบ Active และ Passive ต่างก็มีทั้งข้อดี กันคนละแบบแตกต่างกันออกไป ในส่วนของการเลือกใช้งาน อาจต้องคำนึงถึงลักษณะของงานเป็นสำคัญ เช่น หากต้องการเคลื่อนย้ายไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ อยู่บ่อยๆ เปิดท้ายของของ , งานสัมมนาภาคสนาม , งานอีเว้นท์ตามห้างสรรพสินค้า หรือตามสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย เราอาจเลือกใช้งานตู้ลำโพงประเภท Active
หรือหากต้องการเน้นในด้านคุณภาพเสียงที่ดี งานติดตั้งระบบเสียงที่อยู่กับที่ ไม่มีการเคลื่อนย้าย เช่น ห้องประชุม ห้องสัมมนา , ผับ , บาร์ หรือร้านอาหารต่างๆ ก็อาจจะเลือกใช้งานตู้ลำโพงประเภท Passive ทั้งนี้ทั้งนั้น…องค์ประกอบที่สำคัญก็ขึ้นอยู่ที่การออกแบบของตัวผู้ใช้งานเอง ว่าจะเลือกใช้งานตู้ลำโพงในแบบไหน ที่จะสามารถตอบโจทย์ลักษณะของงานให้ได้มากที่สุด