เวลาอ่านโดยประมาณ: 8 นาที
ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป พอร์ตหูฟังเริ่มหายหน้าหายตาไปจากสมาร์ทโฟนหลายรุ่นและหลายแบรนด์ แน่นอนว่ามีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ แต่สำหรับคนรักเสียงเพลง การหายไปของพอร์ตหูฟังก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ Bluetooth DAC/AMP กลายมาเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการฟังเพลงแบบไร้สาย และยังคงให้คุณภาพเสียงที่ดีอีกด้วย
“คำถามคือ อุปกรณ์นี้มันให้เสียงคุณภาพสูงได้จริงหรือ?” แล้วถ้าเทียบกับการฟังแบบมีสาย จะต่างกันมากน้อยแค่ไหน? ในบทความนี้ เราจะมาไขข้อสงสัยกันครับ
เสียงดีขึ้นหรือไม่? เจาะลึกความลับ Bluetooth DAC/AMP กับคุณภาพเสียง
Bluetooth DAC/AMP คืออะไร?
Bluetooth DAC/AMP คืออุปกรณ์ที่ผสมผสานระหว่าง DAC (Digital-to-Analog Converter) และ AMP (Amplifier) พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงผ่านอุปกรณ์ไร้สาย เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นเพลงพกพา หรือเรียกง่าย ๆ คืออุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนเสียงเพลงธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นเสียงที่คมชัด รายละเอียดครบ และเต็มอิ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ทำงานอย่างไร?
จริง ๆ แล้วหลักการทำงานของ Bluetooth DAC-AMP เข้าใจง่าย ไม่ได้มีความซับซ้อนครับ ให้คิดว่าเป็นตัวช่วยในการ “อัปเกรด” เสียงเพลงที่เราได้ฟังให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะมาจากมือถือ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ โดยผมขอแบ่งกระบวนการออกเป็นหัวข้อย่อย ๆ ดังนี้ครับ
รับสัญญาณเสียงผ่านบลูทูธ (Input)
นี่คือกระบวนการแรกเมื่อเราเริ่มเชื่อมต่อ Bluetooth DAC/AMP กับอุปกรณ์ต้นทาง ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, หรือ แท็บเล็ต ผ่านสัญญาณ บลูทูธ การทำงานในกระบวนการนี้คือ อุปกรณ์ต้นทางจะส่งข้อมูลเสียงแบบดิจิทัล (ไฟล์เพลงหรือสัญญาณสตรีมมิง) ผ่านบลูทูธไปยังตัว DAC/AMP
Codec ที่รองรับ เช่น SBC, AAC, aptX, aptX HD, LDAC นั้นจะมีผลโดยตรงกับคุณภาพของเสียงที่ส่งมา ซึ่ง Codec ที่มีคุณภาพสูงจะส่งข้อมูลเสียงที่มีรายละเอียดมากกว่า เช่น LDAC เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น หากเราฟังเพลงจาก Spotify เสียงจะถูกส่งมาที่ DAC/AMP เพื่อทำการประมวลผล / สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ บลูทูธโคเดก คืออะไร? มีกี่ประเภท?
แปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก (DAC)
เมื่อเสียงดิจิตอลเดินทางมาถึง ตัวแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อก หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า DAC (Digital-to-Analog Converter) ตัว DAC จะเริ่มกระบวนการแปลงสัญญาณ โดยจะเปลี่ยนสัญญาณดิจิตอล (ข้อมูลตัวเลข 0 และ 1) ให้เป็นอนาล็อก ซึ่งเป็นรูปแบบที่ลำโพงหรือหูฟังสามารถสร้างเสียงที่เราฟังได้ ยิ่งชิป DAC มีคุณภาพสูงเท่าไหร่ รายละเอียดของเสียงที่ได้ยินก็จะยิ่งดีขึ้น เช่น แยกเสียงเครื่องดนตรีได้ชัดเจนขึ้น เสียงร้องที่คมชัดขึ้น หรือเสียงเบสที่ลึกกว่าเดิม
ยกตัวอย่างเช่น หากไฟล์เพลงที่เราฟังมีความละเอียด 24-bit/96kHz ตัว DAC ที่รองรับ Hi-Res Audio จะช่วยถอดรหัสเสียงให้ครบถ้วนโดยไม่ลดทอนคุณภาพเสียง แต่ในทางกลับกัน หากตัว DAC ที่ใช้งานไม่สามารถรองรับความละเอียดของไฟล์เสียงได้อย่างเต็มที่ เสียงที่ออกมาก็อาจลดทอนคุณภาพลงได้ เนื่องจากตัว DAC จะต้องทำการแปลงสัญญาณให้เหมาะสมกับขีดความสามารถของตัวเอง ดังนั้นคุณภาพของ DAC จึงมีความสำคัญอย่างมาก
ขยายเสียงให้มีพลัง (AMP)
หลังจากสัญญาณอนาล็อกผ่านการแปลงจาก DAC มาแล้ว สัญญาณที่ได้อาจยังเบาหรือมีกำลังไม่มากพอ ตัว AMP จะเข้ามาทำหน้าที่เพิ่มกำลังขับของสัญญาณเสียง เพื่อให้เหมาะกับหูฟังหรืออุปกรณ์ปลายทาง โดยเฉพาะหูฟังที่ต้องการกำลังขับสูง เช่น หูฟัง Hi-Fi หรือหูฟังที่มีอิมพีแดนซ์สูง (High Impedance) ผลที่ได้คือ เบสที่หนักแน่น, เสียงแหลมที่ชัดเจน, และ เสียงร้องที่มีพลัง ทำให้การฟังเพลงนั้นเพลิดเพลินกว่าปกติ
ส่งเสียงออกไปยังอุปกรณ์ปลายทาง (Output)
กระบวนการสุดท้ายครับ! เมื่อสัญญาณเสียงผ่านการแปลงและขยายเรียบร้อยแล้ว จะถูกส่งออกไปยังหูฟังหรือลำโพงที่เราใช้งานผ่านช่อง Output เช่น 3.5mm, 2.5mm Balanced, หรือ 4.4mm Balanced
ดีอย่างไร?
- เสียงคมชัดขึ้น: ด้วยการใช้ชิป DAC คุณภาพสูงที่แปลงเสียงดิจิทัลเป็นอะนาล็อกได้อย่างละเอียด
- ขับพลังเสียงเต็มที่: ขยายเสียงให้มีพลังและบาลานซ์ดีขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหูฟัง Hi-Fi หรือหูฟังที่มีอิมพีแดนซ์สูง (High Impedance)
- รองรับ codec เสียงขั้นสูง: เช่น aptX Lossless และ LDAC ที่ให้คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อแบบมีสาย
- ใช้งานได้หลากหลาย: รองรับทั้ง หูฟังมีสาย และ ลำโพง
- พกพาสะดวก: ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้งานได้ทุกสถานการณ์
- รองรับเสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio): เช่น FLAC, DSD, หรือ PCM เหมาะสำหรับคนรักเสียงเพลงระดับ Hi-Fi
- ปรับปรุงคุณภาพเสียง: แม้กับไฟล์ MP3 หรือเพลงจาก Spotify ก็สามารถทำให้เสียงฟังไพเราะและสมจริงยิ่งขึ้น
ข้อเสีย/ข้อจำกัด
- คุณภาพเสียงอาจลดลง: แม้จะมี codec ขั้นสูงอย่าง LDAC หรือ aptX HD แต่คุณภาพเสียงยังอาจไม่เทียบเท่าการเชื่อมต่อแบบมีสายที่ไม่มีการบีบอัดข้อมูล
- ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่: การใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หมายความว่าอุปกรณ์ต้องการการชาร์จอยู่เสมอ และอาจหมดกลางทางหากลืมชาร์จ
- ยังมี Latency: แม้จะมี codec ลดความหน่วง (Low Latency) แต่ Bluetooth ยังคงมีความล่าช้า (Latency) อยู่เมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อแบบมีสาย ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมหรือการดูหนังบางประเภท
- ปัญหาสัญญาณรบกวน: บลูทูธใช้คลื่นความถี่ 2.4GHz ซึ่งเป็นความถี่เดียวกับ Wi-Fi และอุปกรณ์ไร้สายอื่น ๆ ทำให้อาจเกิดสัญญาณรบกวนในพื้นที่ที่มีอุปกรณ์ใช้คลื่นความถี่เดียวกันจำนวนมาก
- ราคาสูง: โดยเฉพาะรุ่นที่รองรับ Hi-Res Audio และมาพร้อมฟีเจอร์หลากหลาย อาจมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ DAC/AMP แบบมีสาย
Bluetooth DAC/AMP เสียงดีจริงไหม?
การใช้ Bluetooth DAC/AMP “ช่วยให้เสียงดีขึ้นจริง แต่มีเงื่อนไขบางอย่างครับ” เนื่องจากเสียงที่ได้มานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เทคโนโลยีที่ใช้, คุณสมบัติของอุปกรณ์, codec ที่รองรับ รวมถึงอุปกรณ์ต้นทางหรือหูฟังที่ใช้งานร่วมกัน สรุปสั้น ๆ ก็คือ ช่วยให้เสียงดีขึ้นจริง เมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับ codec และชิปคุณภาพสูงครับ
เปรียบเทียบ Bluetooth DAC/AMP กับ การเชื่อมต่อแบบมีสาย
DAC/AMP Bluetooth และการเชื่อมต่อแบบมีสายต่างมีจุดเด่นที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน หากให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายในการใช้งานแบบไร้สาย พกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลากหลาย DAC/AMP Bluetooth เป็นตัวเลือกที่ดีครับ โดยเฉพาะรุ่นที่รองรับ codec คุณภาพสูง เช่น LDAC หรือ aptX HD ที่ให้เสียงใกล้เคียงกับแบบมีสายเลย
แต่หากต้องการ คุณภาพเสียงระดับสูงสุด ไม่มีการบีบอัดข้อมูล เสถียร 100% และไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ การเชื่อมต่อด้วยสายยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการฟังในระดับ Hi-Fi หรือการใช้งานในบ้าน
หัวข้อ | DAC-AMP Bluetooth | การเชื่อมต่อแบบมีสาย |
---|---|---|
คุณภาพเสียง | ดีมาก (ขึ้นอยู่กับ codec และอุปกรณ์) | ดีที่สุด (ไม่มีการบีบอัดข้อมูล) |
ความสะดวก | พกพาง่าย ใช้งานไร้สาย | ต้องมีสาย ใช้กับพอร์ตเฉพาะ |
ความเสถียร | มีโอกาสเสียงขาดหายหรือหน่วง | เสถียร 100% |
ราคา | หลากหลาย ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นถึง Hi-End | ขึ้นอยู่กับสายและอุปกรณ์ที่ใช้ |
การพกพา | สะดวกมาก | ไม่เหมาะสำหรับการเดินทาง |
เทคโนโลยีล่าสุดใน DAC/AMP Bluetooth
- การรองรับ Codec
- aptX Lossless: ส่งสัญญาณเสียงแบบไร้สายโดยไม่สูญเสียคุณภาพเสียง
- LDAC: รองรับการส่งสัญญาณเสียงความละเอียดสูงถึง 24-bit/96kHz
- aptX HD: มอบเสียงคมชัดในระดับ 24-bit
- aptX Adaptive: ปรับคุณภาพเสียงและ latency อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมการใช้
- ชิป DAC
- ESS Sabre (ES9038Q2M, ES9219C): แปลงเสียงด้วยความเที่ยงตรงสูง เสียงใส คมชัด
- AKM (AK4499EX, AK4493SEQ): ให้เสียงนุ่ม อบอุ่น และเป็นธรรมชาติ
- Cirrus Logic: เน้นความสมดุลของเสียงและความแม่นยำ
- ชิป AMP
- THX AAA (Achromatic Audio Amplifier): ให้เสียงที่มีความเพี้ยนต่ำ
- Burr-Brown: ขับเสียงในระดับ Hi-Fi
- การเชื่อมต่อ Bluetooth
- Bluetooth 5.4: เสถียรมากขึ้น ลดการรบกวน เพิ่มระยะ และใช้พลังงานน้อยกว่าเวอร์ชันเก่า
- รองรับไฟล์เสียงคุณภาพสูง เช่น FLAC, DSD, และ PCM
- การควบคุมและการตั้งค่าผ่านแอปเช่น EQ หรือเลือก codec ที่ต้องการใช้งาน
- ฟีเจอร์เพิ่มเติม
- Multi-Device Pairing: เชื่อมต่อพร้อมกันหลายอุปกรณ์
- Balanced Output: ให้เสียงที่สมดุลและลดสัญญาณรบกวนสำหรับหูฟังคุณภาพสูง
*ข้อมูล ณ วันที่เขียนบทความ 14/11/24
Bluetooth DAC-AMP เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับคนที่อยากอัปเกรดเสียงให้ดีขึ้นแบบง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นสายฟังเพลงแบบจริงจัง คนใช้หูฟัง Hi-Fi หรือใครที่มีมือถือรุ่นใหม่ที่ไม่มีพอร์ตหูฟัง ตอบโจทย์มากสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงแบบละเอียด เล่นไฟล์ Hi-Res
หรือแค่ต้องการเสียงที่ดีกว่าเดิมเวลาใช้หูฟังทั่วไปก็ได้ แถมยังเหมาะกับคนเดินทางที่อยากพกเสียงดี ๆ ไปด้วยทุกที่ หรือแม้แต่สายดูหนังเล่นเกมที่ไม่อยากให้เสียงดีเลย์ก็ช่วยได้ เพียบแค่เชื่อมต่อแบบไร้สายก็ได้ เสียงแจ่ม ๆ ทันที
เลือกซื้ออย่างไรดี?
เริ่มจากดูว่าเราจะใช้งานกับอะไร เช่น หูฟัง ลำโพง หรือสมาร์ทโฟน หากต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ควรเลือกรุ่นที่รองรับ codec อย่าง LDAC หรือ aptX HD สำหรับคนใช้หูฟัง Hi-Fi หรือหูฟังที่ต้องการกำลังขับสูง ให้เลือกรุ่นที่มีแอมป์ที่ขยายเสียงได้ดี หากเดินทางบ่อย ควรพิจารณา แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน และน้ำหนักเบา
นอกจากนี้ ฟีเจอร์เสริม เช่น Hi-Res Audio, Balanced Output และ Multi-Device Pairing ก็ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าได้ คนที่มีงบจำกัดสามารถเริ่มจากรุ่นราคาประหยัดที่ตอบโจทย์พื้นฐาน หรือหากต้องการเสียงระดับมืออาชีพ ควรเลือก รุ่น Hi-End ที่มีชิปคุณภาพสูง สุดท้าย อย่าลืม อ่านรีวิว หรือฟังเสียงจากผู้ใช้งานจริงก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้รุ่นที่เหมาะกับคุณที่สุด
สรุปง่าย ๆ: ใช้งานกับอะไร > เลือก Codec > ดูแบตเตอรี่ > เช็คฟีเจอร์เสริม > พิจารณางบ > อ่าน/ดู รีวิว
สรุป: Bluetooth DAC/AMP ยกระดับเสียงเพลง ให้ดีกว่าที่เคยได้ยิน!
ถ้าคุณอยากอัปเกรดเสียงให้ดีขึ้น Bluetooth DAC/AMP ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสุด ๆ เลยครับ แม้ว่าจะไม่ได้ ให้คุณภาพเสียงเทียบเท่าการเชื่อมต่อแบบมีสาย 100% แต่ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและ codec ระดับท็อปที่รองรับ ทำให้เสียงที่ได้ใกล้เคียงและเพียงพอสำหรับการฟังเพลงที่ดีทุกกว่า แถมยังพกพาสะดวก ใช้งานได้ทุกที่อีกด้วย
สุดท้ายแล้ว อุปกรณ์นี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการความสะดวก และต้องการให้เสียงนั้นถูกลดทอนน้อยที่สุด ถ้าชอบฟังเพลงและอยากให้การฟังเพลง “ดีและกระหึ่มกว่าเดิม” ลองให้ Bluetooth DAC/AMP เป็นตัวช่วย รับรองว่าฟังเพลงเพลินขึ้นแน่นอนครับ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก fiio
บทความ สาระความรู้
แอมป์หลอด (Tube Amplifier) คืออะไร เสียงดีกว่าแอมป์ทั่วไปจริงไหม ?
แอมป์หลอด ให้เสียงออกมาเป็นอย่างไร? ไม่ถึงเป็นที่ถูกใจของนักดนตรีและออดิโอไฟล์ แล้วเสียงดีกว่าแอมป์ทั่วไปจริงไหม เรามาหาคำตอบกันครับ
Audio Interface Vs มิกเซอร์ เลือกยังไง แบบไหนที่เหมาะกับงานของคุณ?
ทำความรู้จัก ความแตกต่างระหว่าง Audio Interface Vs มิกเซอร์ พร้อมแนะนำการใช้ให้เหมาะกับงาน!? จะน่าสนใจแค่ไหน? อยากรู้ คลิกเลย!
Bluetooth 5.4 มีอะไรใหม่ เหมาะกับคุณหรือไม่?
Bluetooth 5.4 ที่มีฟีเจอร์เด่นเพิ่มเข้ามาอย่าง PAwR และ Encrypted Advertising Data มีประโยชน์ในด้านใดบ้าง เราหาคำตอบมาให้แล้ว
เสียงดีขึ้นหรือไม่? เจาะลึกความลับ Bluetooth DAC/AMP กับคุณภาพเสียง
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า การเชื่อมต่อไร้สายพัฒนาไปไกลจนสามารถให้คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับแบบมีสายได้ ด้วย codec คุณภาพสูง มาหาคำตอบว่ามันดีแค่ไหนในบทความนี้กันครับ!
โปรโมชั่น
SoundDD END YEAR SALE 2024 คุ้ม 2 ต่อ คูปองส่วนลด & ของแถมสุดพิเศษ
1 - 30 ธ.ค. 2567 เท่านั้น!
SoundDD Clearance Sale ลดล้างสต๊อก สินค้า Demo สูงสุด 61%
1 - 30 ธ.ค. 2567
MEGA DEAL 2024 อุปกรณ์ดีเจ จาก Pioneer DJ ลดสูงสุด 50% พร้อมของแถมสุดพิเศษ
15 พ.ย. 2567 - 12 ม.ค. 2568
MEGA DEAL 2024 Professional Audio จาก SHURE ลดสูงสุด 48% พร้อมของแถมสุดพิเศษ
15 พ.ย. 2567 - 12 ม.ค. 2568
ผลงานการติดตั้ง
ลูกค้าของเรา ตลาดต้นไม้ชายคา ระบบประกาศ/แบคกราวด์มิวสิค
ตลาดเป็นสถานที่ที่เสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมค่อนข้างมาก เรามาดูกันว่าระบบเสียงจากแบรนด์ TOA นั้นจะเอาอยู่หรือไม่?
ลูกค้าของเรา บริษัท พี.ที.แกรนด์โฮเทล จำกัด ระบบเสียงห้องสัมมนา
พาชมระบบเสียงที่ครบครันในห้องสัมมนา ห้องประชุม และห้องจัดเลี้ยงของลูกค้าเรา P.T. Grand Hotel จะจัดเต็มขนาดไหน ไปชมกันเลย!
ระบบเสียงคาราโอเกะ JBL Pasion บ้านลูกค้า
วันนี้เราขอนำเสนอผลงานการติดตั้ง ระบบเสียงคาราโอเกะ JBL Pasion ที่บ้านลูกค้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเสียงคมชัดและทรงพลัง
ลูกค้าของเรา บริษัท อคาเซีย อินเตอร์เทค จำกัด ระบบเสียงห้องประชุม
ระบบเสียงคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการประชุมที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ พร้อมตอบโจทย์ทุกสถานการณ์!