8 Juke จุดเริ่มต้นของการร้องคาราโอเกะอินเจแปน

ประมาณช่วงปี 1970 ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่คุณ เนกิชิ คิดค้น The Sparko Box สำเร็จ ตัดภาพมาที่เมือง Kobe อีกฝั่งนึงของประเทศญี่ปุ่น มีชายคนหนึ่งนามว่า ไดสึเกะ อิโนะอูเอะ (Daisuke Inoue) ผู้เป็นนักร้อง นักดนตรี และครูสอนร้องเพลง ได้คิดค้นเครื่องร้องคาราโอเกะที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการร้อง คาราโอเกะ ให้ฮิตไปทั่วโลก..

โดยที่คุณอิโนะอูเอะ ไม่ได้ทำเพียงแค่คิดค้น 8 Juke เพียงอย่างเดียว ด้วยความที่ตัวเขาเป็นนักร้อง นักดนตรี เขารับรู้เป็นอย่างดีว่า การจะร้องเพลงในคีย์เดียวกันกับนักดนตรีมืออาชีพ เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าที่คนทั่วๆ ไปจะสามารถทำได้ เขาได้ทำการอัดดนตรีเพลงฮิตๆ มากมายในตลาด ปรับลดคีย์ เพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถที่จะร้องเพลงต่างๆ ได้ง่าย และไพเราะมากยิ่งขึ้น เพราะคีย์เพลงต่างๆ ถูกปรับลดลง เพื่อให้ร้องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

เกร็ดความรู้ : ถึงแม้คุณเนกิชิ และคุณอิโนะอูเอะ จะเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดในการสร้าง เครื่องร้องคาราโอเกะ แต่ทั้ง 2 คนกลับไม่ได้จดสิทธิบัตร เกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ โดยที่คุณอิโนะอูเอะ ให้เหตุผลไว้ว่า
“ต้องการให้คนทั้งโลก ได้ร้องเพลงอย่างไพเราะ และมีความสุข โดยไม่ต้องกังวลเรื่องลิขสิทธิ์”

นอกจากคุณ เนกิชิ และคุณอิโนะอูเอะแล้ว ยังมีบุคคลอีก 1 คนที่คิดค้นเครื่องร้องคาราโอเกะ เช่นเดียวกับที่ทั้ง 2 คนก่อนหน้าทำที่ญี่ปุ่น โดยที่ชายคนนั้นมีชื่อว่า Roberto Del Rosario เป็นชายชาวฟิลลิปปินส์ ที่ผลิตเครื่องร้องคาราโอเกะขึ้นมาในชื่อ Sing Along System หรือ SAS ประมาณช่วงปี 1975 ซึ่งไม่ได้ต่างจากเครื่องร้องคาราโอเกะที่คุณเนกิชิ และคุณอิโนะอูเอะสร้างขึ้นก่อนหน้าแต่อย่างใด

แตกต่างกันตรงที่คุณ Roberto Del Rosario ได้ทำการจดสิทธิบัตรเครื่องร้องคาราโอเกะ ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้ถือครองสิทธิบัตรเครื่องร้องคาราโอเกะแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งสร้างเม็ดเงินจำนวนมากให้กับเขาจนกระทั่งเสียชีวิตไปในปี 2003

— กลับไปที่สารบัญ —

JVC แบรนด์ยักษ์ใหญ่ผู้บุกเบิกวงการ คาราโอเกะ

หลังจากที่คุณอิโนะอูเอะ ได้คิดค้น 8 Juke และจุดกระแสการร้องคาราโอเกะ ให้ฮิตติดลมบน ในย่าน Kobe ได้มีผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เจ้าใหญ่เจ้านึง มองเห็นโอกาสที่จะผลิตเครื่องร้องคาราโอเกะของตน เพื่อขาย และขยายตลาดการร้องคาราโอเกะไปสู่ผู้คนทั่วประเทศ แบรนด์นั้นคือ JVC บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้จุดกระแส และนำพาการร้องคาราโอเกะ ไปสู่ตลาด Mass ในเวลาต่อมา..

โดยที่เครื่องร้องคาราโอเกะเครื่องแรกของ JVC ใช้ชื่อว่า JVC K-99 เป็นก้าวแรกของการเข้าสู่ตลาด คาราโอเกะ ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกที่ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดนี้อย่างเป็นทางการ แสดงออกถึงความเชื่อมั่นของพวกเขาว่า เครื่องร้องคาราโอเกะ เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่จะเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วประเทศ

ยุคทองของ คาราโอเกะ

ถึงแม้เครื่องร้องคาราโอเกะ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ การร้องคาราโอเกะ ได้รับความนิยม แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เราจะเห็นว่ายังมีสิ่งสำคัญหนึ่งสิ่งที่ยังขาดหายไปในเครื่องร้องคาราโอเกะในยุคนั้น นั่นก็คือ หน้าจอแสดงเนื้อร้อง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้ร้อง จำเป็นที่จะต้องจำเนื้อร้องของเพลงที่จะร้องให้ได้ด้วยตนเอง เป็น 1 ในข้อจำกัดสำคัญ ที่ทำให้การร้องคาราโอเกะ ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรจะเป็น..

จนกระทั่งมาถึงในช่วงปี 1982 ได้มีผู้เล่นใหม่กระโดดเข้ามายังตลาด คาราโอเกะ ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของการร้องคาราโอเกะไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่ผู้เล่นใหม่คนนั้นคือ Pioneer อีก 1 แบรนด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่น ที่มาพร้อมเทคโนโลยี LaserDisc โดยทาง Pioneer ได้ตั้งชื่อเครื่องร้องคาราโอเกะของเขาว่า LaserKaraoke หรือ LD-G ด้วยการเปลี่ยนจากเทป 8-track มาสู่การใช้ LaserDisc หรือ CD เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมคาราโอเกะทั้งหมดในทันที!

จากเดิมที่คนร้องคาราโอเกะจำเป็นต้องจำเนื้อเพลงที่จะร้องให้ได้ทั้งหมด ซึ่งเป็น ข้อจำกัดใหญ่ ที่ทำให้การร้องคาราโอเกะ ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรจะเป็น ทาง Pioneer ได้นำเสนอการร้องคาราโอเกะรูปแบบใหม่ ด้วยการเปลี่ยนจากเทป 8-track เป็น CD ช่วยให้คุณสามารถร้องคาราโอเกะ โดยที่มี กราฟิกเนื้อเพลง ขึ้นมาควบคู่ไปกับการร้อง ช่วยลดข้อจำกัดที่สำคัญ ทำให้กระแสการร้องคาราโอเกะได้รับความนิยมไปทั่วโลก และเป็นการวางมาตรฐานใหม่ให้กับการร้องคาราโอเกะมาจนถึงยุคปัจจุบัน

— กลับไปที่สารบัญ —