Estimated reading time: 4 นาที
ข้อมูลนั้นถือเป็นทรัพยากรอันมีค่า การเก็บรักษาข้อมูลเหล่านี้จึงสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม Network Attached Storage (NAS) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเก็บข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หรือองค์กรขนาดกลาง การจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ในบทความนี้เราจะพาไปดูว่า NAS คืออะไร จะเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจหรือองต์กรของคุณได้อย่างไร เรามาเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันครับ
NAS คืออะไร
Network Attached Storage หรือ NAS เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งมักถูกใช้ในบ้านหรือสถานที่ทำงานเพื่อแบ่งปันไฟล์และข้อมูลในเครือข่ายโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์หรือคอมพิวเตอร์หลัก โดย NAS มักถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงในการจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูล รวมถึงการให้บริการฟังก์ชันเสริมเช่นการสำรองข้อมูล (backup), การสตรีมมิ่งไฟล์มัลติมีเดีย, และการเข้าถึงระยะไกลผ่านอินเทอร์เน็ต
คุณสมบัติและฟังก์ชันหลัก
- การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้และการควบคุมการเข้าถึง: NAS รับรองความปลอดภัยของข้อมูลผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้และกลไกการควบคุมการเข้าถึง โดยผู้ใช้จะได้รับสิทธิ์เฉพาะ กําหนดระดับการเข้าถึงโฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน
- Data Redundancy และ Backup: การกำหนดค่า RAID เช่น RAID 1 และ RAID 5 การจัดเตรียม data redundancy, การป้องกันความล้มเหลวของไดรฟ์ และโซลูชันการสำรองข้อมูลในตัวช่วยให้สามารถสำรองข้อมูลตามกำหนดเวลาไปยังไดรฟ์ภายนอกหรือที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์
- การเข้าถึงระยะไกลและการรวมระบบคลาวด์: อุปกรณ์ NAS มักจะรองรับการเข้าถึงระยะไกล ทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกค้นไฟล์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ รวมถึงบริการคลาวด์ช่วยให้สามารถซิงค์และสำรองข้อมูลกับผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ยอดนิยมได้อย่างราบรื่น
- แอปพลิเคชันและบริการ: NAS ขยายคุณประโยชน์ด้วยแอปพลิเคชันและบริการ โดยเปลี่ยนให้เป็นมากกว่าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียว เช่น เซิร์ฟเวอร์มีเดีย, ซอฟต์แวร์ Surveillance Station และตัวจัดการการดาวน์โหลด
ส่วนประกอบและวิธีการทำงาน
โดยพื้นฐานแล้วอุปกรณ์ NAS เป็นเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลเฉพาะ ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลผ่านการเข้าถึงเครือข่าย ไม่ว่าขนาดของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายจะเป็นอย่างไร อุปกรณ์ NAS ทุกตัวมักประกอบด้วยองค์ประกอบหลักคล้ายๆ กันได้แก่
- CPU: หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) และหน่วยความจำ CPU เป็นหัวใจของ NAS ทุกเครื่อง มีหน้าที่รับผิดชอบในการรันระบบปฏิบัติการ อ่านและเขียนข้อมูล จัดการการเข้าถึงของผู้ใช้ ในกรณีที่คอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปใช้ CPU เอนกประสงค์ อุปกรณ์เฉพาะ เช่น NAS อาจใช้ CPU เฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ
- เชื่อมต่อเครือข่าย: อุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานเดสก์ท็อปหรือผู้ใช้คนเดียวอาจอนุญาตให้มีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์โดยตรง เช่น USB หรือการเชื่อมต่อไร้สาย (Wi-Fi) แต่ NAS ทางธุรกิจ ที่มีไว้สำหรับการแบ่งปันข้อมูลและการให้บริการไฟล์จะต้องมีการเชื่อมต่อเครือข่ายทางกายภาพ เช่น อินเทอร์เฟซอีเทอร์เน็ตแบบมีสาย ซึ่งจะทำให้ NAS มีที่อยู่ IP ที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งมักถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชุดฮาร์ดแวร์ NAS ควบคู่ไปกับ CPU
- พื้นที่จัดเก็บ: NAS ทุกเครื่องจะต้องมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทางกายภาพ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในรูปแบบของดิสก์ไดรฟ์ รวมถึง HDD แบบแม่เหล็ก, SSD หรืออุปกรณ์หน่วยความจำอื่นๆ ซึ่งมักจะรองรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลต่างๆ ผสมกัน NAS อาจสนับสนุนการจัดเก็บข้อมูลแบบลอจิคัล (logical) สำหรับ redundancy และประสิทธิภาพ เช่น การมิเรอร์และการใช้งาน RAID อื่นๆ แต่เป็น CPU ไม่ใช่ดิสก์
- ระบบปฏิบัติการ: เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ทั่วไป ระบบปฏิบัติการจะจัดระเบียบและจัดการฮาร์ดแวร์ ละทำให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลพร้อมใช้งานสำหรับลูกค้า รวมถึงผู้ใช้และแอปพลิเคชันอื่นๆ อุปกรณ์ NAS แบบธรรมดาอาจไม่เน้นระบบปฏิบัติการเฉพาะ แต่ระบบ NAS ที่ซับซ้อนกว่าอาจใช้ระบบปฏิบัติการแยก เช่น Netgear ReadyNAS, QNAP QTS, Zyxel FW หรือ TrueNAS Core และอื่นๆ
เปรียบเทียบ NAS กับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบเดิม
เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดเก็บข้อมูลแบบเดิม เช่น ฮาร์ดไดรฟ์ หรือเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร NAS สามารถมอบความสะดวกสะบายและความยืดหยุ่นมากกว่า เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลแบบเดิมมักถูกจำกัดในแง่ของการเข้าถึงและความสามารถในการขยายความจุ โดยทั่วไปแล้ว ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกได้รับการออกแบบสำหรับการใช้งานส่วนบุคคล และไม่มีคุณสมบัติในการทำงานร่วมกัน รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงจากระยะไกล
NAS มีกี่ประเภท
- Server based NAS: คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตั้งค่าพื้นที่จัดเก็บไฟล์ภายในองค์กร มีหลายขนาดและหลายประเภท
- Scale up NAS: ประกอบด้วยไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลที่จัดการโดยตัวควบคุมคู่หนึ่ง ทุกครั้งที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น เราต้องซื้อจะต้องซื้อไดรฟ์ NAS เพิ่ม อย่างไรก็ตาม ตัวควบคุมมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการจัดเก็บ โดยสามารถจัดการไดรฟ์ได้อย่างเหมาะสมในจำนวนคงที่เท่านั้น เมื่อถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว คุณต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มทรัพยากรใหม่
- Scale out NAS: มีกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่เสนอหมายเลขหน่วยลอจิคัล (LUN) หรือการแชร์ไฟล์ผ่านเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีตัวควบคุมและไดรฟ์ อย่างไรก็ตาม ตัวควบคุมสามารถเชื่อมต่อกับหน่วยทางกายภาพได้หลายหน่วยเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้เป็นหนึ่งหน่วยในเชิงตรรกะ
เลือก NAS ยังไงดี
- ประเภทไดรฟ์: เมื่อเลือกไดรฟ์สำหรับ NAS การเลือกใช้ไดรฟ์ NAS โดยเฉพาะแทนที่จะเป็นฮาร์ดไดรฟ์เดสก์ท็อปมาตรฐานถือเป็นสิ่งสำคัญ ไดรฟ์ NAS เช่น WD Red, Seagate IronWolf หรือ Synology HAT5300 ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของระบบ NAS โดยทั่วไปแล้วไดรฟ์เหล่านี้จะมีเทคโนโลยีเพื่อลดการสั่นสะเทือน ซึ่งอาจเป็นปัญหาในยูนิต NAS แบบ multi-bay นอกจากนี้ ไดรฟ์ NAS ยังได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อการทำงานต่อเนื่องและได้รับการทดสอบสำหรับในสภาพแวดล้อมการทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นสำหรับการใช้งานที่จัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย มาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งาน NAS ซึ่งสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและความเข้ากันได้กับระบบ NAS
- ความจุ: นอกจากประเภทของไดรฟ์แล้ว ความจุก็นั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ความจุที่ต้องการขึ้นอยู่กับปริมาณการจัดเก็บข้อมูลปัจจุบันของคุณและความต้องการในอนาคตที่คาดการณ์ไว้ โดยตัวไดรฟ์เองก็มีให้เลือกหลากหลายความจุ ตั้งแต่ 1 เทราไบต์ ไปจนถึง 16 เทราไบต์หรือมากกว่ากว่านั้น หากในอนาคตคุณต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมาก การซื้อการซื้อไดรฟ์ขนาดใหญ่มักจะคุ้มค่ากว่า
- ความเร็วและประสิทธิภาพ: โดยทั่วไปความเร็วของไดรฟ์จะวัดเป็น RPM (รอบต่อนาที) โดยมีความเร็วทั่วไปอยู่ที่ 5400 RPM และ 7200 RPM ไดรฟ์ RPM ที่สูง เช่น ซีรีส์ WD Black ที่มี 7200 RPM สามารถให้การเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับงานที่ต้องการปริมาณข้อมูลสูง ข้อควรระวังคือ RPM ที่สูงขึ้นยังอาจนำไปสู่ความร้อนและเสียงรบกวนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ขนาดแคชของไดรฟ์อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน แคชที่ใหญ่กว่า เช่น 256MB ที่พบในไดรฟ์ระดับไฮเอนด์บางรุ่น ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลที่ใช้บ่อยได้เร็วยิ่งขึ้น การปรับสมดุลความเร็วกับปัจจัยอื่นๆ เช่น เสียงและความร้อนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประสิทธิภาพของ NAS ที่ดีที่สุด
- ความน่าเชื่อถือและความทนทาน: ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้ ควรเลือกไดรฟ์ที่มีอัตราความล้มเหลวต่อปี (AFR) ต่ำและมีรอบ load/unload มั่นคง โดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตจะให้คะแนนความน่าเชื่อถือ เช่น MTBF (Mean Time Between Failures) ไดรฟ์เช่น Seagate IronWolf Pro หรือ WD Red Pro มีระดับ MTBF สูง ซึ่งบ่งบอกถึงอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ไดรฟ์เหล่านี้มักมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความทนทานต่อการสั่นสะเทือนที่เพิ่มขึ้น และถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทนทานต่อการใช้งานหนัก การเลือกไดรฟ์ที่มีการรับประกันที่ดี (มักอยู่ที่ 3-5 ปี) ที่สามารถให้ความอุ่นใจและความคุ้มค่า
- ความเข้ากันได้: ตรวจสอบความเข้ากันได้ของไดรฟ์ NAS ก่อนซื้อเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากไดรฟ์ที่เข้ากันไม่ได้อาจทำให้ประสิทธิภาพต่ำและข้อมูลสูญหายได้ ระบบบางระบบอาจมีข้อจำกัดทางกายภาพเช่นกัน เช่น รองรับเฉพาะไดรฟ์ขนาด 2.5 นิ้ว ซึ่งควรพิจารณาเมื่อเลือกไดรฟ์
- เสียงรบกวนและการใช้พลังงาน: แน่นอนว่าไดรฟ์อาจจะต้องทำงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นเสียงรบกวนและการใช้พลังงานของไดรฟ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา การขับด้วย RPM ที่สูงขึ้น แม้จะเร็วกว่าแต่ก็อาจส่งเสียงดังกว่าและกินกำลังมากกว่าเช่นกัน
- รองรับ RAID: คือการนำ Hard Disk ตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไปมาต่อเข้าด้วยกันเพื่อให้มองเห็นเป็นก้อนเดียวกัน โดยประโยชน์หลักๆ ของการทำ RAID ก็คือการป้องกันการเสียหายของข้อมูล และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน/เขียนของข้อมูลนั่นเอง ไดรฟ์ NAS บางรุ่น ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมมาโดยเฉพาะเพื่อให้ทำงานได้อย่างเหมาะสมที่สุดในสภาพแวดล้อม RAID ไดรฟ์เหล่านี้สามารถรองรับการสั่นสะเทือนและเวิร์คโหลดที่เพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่า RAID การเลือก RAID level (เช่น RAID 1, RAID 5, RAID 6) จะส่งผลต่อจำนวนและประเภทของไดรฟ์ที่ต้องการด้วย
สรุป
สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก NAS มอบความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในการจัดการและปกป้องข้อมูลอันมีค่า ด้วยตัวเลือกการสำรองข้อมูลและการกู้คืนความเสียหายในตัว มอบความน่าเชื่อถือ สำหรับการปกป้องข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญ ด้วยการใช้ระบบ NAS ธุรกิจขนาดเล็กสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่นความเสียหายจากฮาร์ดแวร์ ข้อมูลเสียหาย หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ในส่วนของการใช้งานในบ้าน NAS ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับจัดเก็บเนื้อหามัลติมีเดีย เอกสาร และไฟล์ส่วนบุคคล ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวสามารถเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลได้อย่างราบรื่นผ่านอุปกรณ์ต่างๆ สร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เชื่อมต่อกันภายในครัวเรือน นอกจากนี้ ความสามารถในการสตรีมสื่อโดยตรงจากอุปกรณ์ NAS ไปยังสมาร์ททีวีและระบบความบันเทิงยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ความบันเทิงโดยรวมที่บ้านอีกด้วย
ความสะดวกในการเข้าถึงระยะไกลเป็นข้อดีที่สำคัญของ NAS สำหรับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและการใช้งานที่บ้าน ด้วยการกำหนดค่าที่เหมาะสม ผู้ใช้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ NAS ได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถดึงและแชร์ไฟล์ได้อย่างราบรื่นทุกที่ทุกเวลา ความสามารถในการเข้าถึงระดับนี้ช่วยให้พนักงานที่อยู่ห่างไกล ผู้ที่ติดต่อสื่อสารทางไกลสามารถเชื่อมต่อและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม
บทความ สาระความรู้
รีวิว Proel FREEONEX ลำโพงอเนกประสงค์ในงบสุดคุ้มค่า!
พาชม รีวิว PROEL FREEONEX ลำโพง All-In-One มีแบตในตัว ที่มีฟีเจอร์การใช้งานครบครัน พกพาสะดวก ในราคาเพียง 10,900 บาท!
ใหม่! JBL PARTY LIGHT ยกระดับปาร์ตี้ของคุณ ด้วยแสง สี ที่เหนือกว่า!
ไฟปาร์ตี้ JBL PartyLight สำหรับใช้งานร่วมกับลำโพง Partybox โดยเฉพาะ ยกระดับความสนุกทุกปาร์ตี้ ให้เต็มอิ่ม และสนุกมากกว่าที่เคย! อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย ~
เจาะลึกซีรีส์ใหม่! EVID-C-G2 และ EVID-EC จาก Electro-Voice เสียงดี ติดตั้งง่าย สไตล์ลงตัว
ข่าวสารอัพเดท Electro-Voice ที่ได้เปิดตัวลำโพงเพดาน EVID รุ่นใหม่ในงาน InfoComm 2024 ซึ่งมีทั้งหมด 12 รุ่นใหม่
พรีวิว EV LRC Series ลำโพงคอลัมน์ตัวจบ สำหรับงานติดตั้ง
ลำโพงที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพด้านเสียงสูงสุด โดยสามารถติดตั้งได้อย่างกลมกลืนเข้ากันกับทุกสถานที่ จะน่าสนใจแค่ไหน อยากรู้ คลิกเลย!
โปรโมชั่น
9.9 Klipsch x Onkyo เครื่องเสียง ลำโพงโฮมเธียเตอร์ ลดสูงสุด 45%
9 - 18 ก.ย. 2567
September Pro 2024 ลำโพง มิกเซอร์ จาก SOUNDVISION, PROEL & SOUNDKING
1 - 30 ก.ย. 2567 เท่านั้น
โปรโมชั่นล่าท้าฝน 2567 Professional Audio จาก SHURE, JBL & Soundcraft
1 - 30 ก.ย. 2567 เท่านั้น
Pioneer DJ ลำโพง หูฟัง เครื่องเล่นดีเจ ลดเพิ่มสูงสุด 15% พร้อมของแถมสุดคุ้ม
1 – 30 ก.ย. 2567 เท่านั้น
ผลงานการติดตั้ง
ลูกค้าของเรา สมาคมภริยาทหารเรือ ระบบเสียงห้องประชุม
สมาคมภริยาทหารเรือได้มอบความไว้วางใจให้ SoundDD.Shop ดูแลการติดตั้งระบบเสียงสำหรับห้องประชุม เพื่อให้การสื่อสารภายในองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ลูกค้าของเรา บริษัท เทพทองพัฒนา จำกัด (TT Residence) ระบบเสียงห้องสัมมนา
บริษัท เทพทองพัฒนา จำกัด ให้ความไว้วางใจ SoundDD ในการติดตั้งระบบเสียงสำหรับห้องสัมมนา เพื่อยกระดับคุณภาพเสียงและประสบการณ์
ลูกค้าของเรา คุณ ธงชัย จังหวัดเชียงใหม่ ระบบเสียงคาราโอเกะ
ระบบเสียงคาราโอเกะ ลำโพงคอลัมน์ BOSE L1 PRO8 พร้อม มิกเซอร์ ดิจิตอล YAMAHA MG10XU และไมค์ลอย มือถือคู่ SHURE SHURE BLX288TH/B58
ลูกค้าของเรา โรงเรียนวัดพระยาศิริไอยสวรรค์ ชุดเครื่องเสียงกลางแจ้งและในอาคาร
เมื่อโรงเรียนวัดพระยาศิริไอยสวรรค์ต้องการชุดเครื่องเสียงที่ครบครันทั้งในและนอกอาคาร SoundDD พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพื่อให้ทุกเสียงชัดเจนและทุกกิจกรรม