เช่นเคย เราจะเริ่มต้นกันที่คอนเซปต์ในการออกแบบ โดยที่ JBL Partybox Wireless MIC จะมาในคอนเซปต์เดิม นั่นคือ “Plug & Play 2 Mic Pack” นำเสนอความง่ายในการใช้งาน เป็นระบบไมค์ลอยมือถือคู่ที่ใช้งานง่ายแค่ Plug&Play(แค่เสียบก็พร้อมใช้งาน) ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องเครื่องเสียงก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย

คุณสมบัติ

• เข้ากันได้กับ Partybox ทุกรุ่น
• รับ-ส่งสัญญาณบนระบบไร้สายแบบ 2.4 GHz
• รับ-ส่งสัญญาณได้อย่างเสถียรในระยะ 30 เมตร(รุ่นก่อนได้ 10 เมตร)
• แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 12 ชั่วโมง(รุ่นก่อนได้ 6 ชม.)
• วัสดุตัวเครื่องผลิตจากวัสดุรีไซเคิล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ความต่างในด้านดีไซน์

---

JBL Partybox Wireless MIC จะได้รับการปรับโฉมใหม่แบบยกชุด ทั้งไมค์ลอย(Transmitter) และเครื่องรับสัญญาณไร้สาย(Receiver)

ไมค์ลอย หรือ Transmitter

ตัวไมค์ลอยจะได้รับการปรับโฉมให้ดูมีเอกลักษณ์ และล้ำยุคกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน ลักษณะภายนอกโดยรวมจะดูคล้ายๆ กับไมค์ลอยที่แถมมากับ JBL Partybox Encore น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากไมค์ตัวนั้น ไม่มากก็น้อยแหละครับ เพราะโดยรวมดูคล้ายสุดๆ ปรับเอาหน้าจอที่ตัวไมค์ลอยออก เหลือเพียงปุ่ม Power(ไม่มั่นใจนะครับว่าจะมีการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติมที่ปุ่มใหม่หรือไม่ ต้องรอตัวสินค้าจริงเข้ามา ทีมงานคุณต้นตาลจะทดสอบให้ดูอีกทีครับ)

เครื่องรับสัญญาณไร้สาย หรือ Receiver

เป็นส่วนที่ปรับโฉมมาแล้วดูเข้าตาทีมงานมากๆ เพราะดีไซน์ดูสวยงาม มีระดับกว่ารุ่นก่อนเยอะ นอกจากดีไซน์ที่ดูสวยงาม ทาง JBL ยังปรับมุมของแจ็ค TS Phone ใหม่ ให้ไปอยู่ที่ด้านบน ช่วยให้เวลาเสียบใช้งาน ทีมงานมองว่าตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่าเดิมแน่นอน เพราะรุ่นก่อน ด้วยมุมเสียบของ TS Phone จะไม่สามารถนำไปใช้กับลำโพงบางรุ่น ซึ่งนับเป็นจุดอ่อนใหญ่ๆ ของรุ่นก่อนนั่นเองครับ

ความคิดเห็นทีมงาน

ส่วนตัวแล้วทีมงานชอบดีไซน์ของเครื่องรับสัญญาณ Receiver รุ่นใหม่มากกว่า แต่ในส่วนของไมค์ลอย ทีมงานดันชอบดีไซน์เก่า ที่มันดูคลาสสิคกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่ความชอบของแต่ละคนมากกว่าครับ

ความต่างในด้านประสิทธิภาพการใช้งาน(Performance)

---

ต่อกันที่ประสิทธิภาพในการใช้งาน JBL Partybox Wireless MIC จะยังคงเป็นไมค์ลอยที่ทำงานบนระบบไร้สาย Digital 2.4 GHz เช่นเคย รูปแบบการรับเสียงก็ยังคงเดิมคือ Cardioid ส่วนที่จะแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด(ดูจากใบสเปค) จะเป็นในส่วนของแบตเตอรี่ และความเสถียรในการรับ-ส่งสัญญาณไร้สายที่ทำได้ดีมากขึ้น

แบตเตอรี่อึด และชาร์จไวขึ้น

เรียกว่า แบตเตอรี่ เป็นจุดที่ JBL เน้นใน Partybox เจนนี้ก็ว่าได้ เพราะสินค้าทุกรุ่นที่ปล่อยออกมาในรอบนี้ จะมาพร้อม แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และรองรับ Fast Charge กันทั้งหมด ชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้งานได้นานถึง 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ในรุ่นนี้ยังอัพเกรดตัวไมค์ลอย จากเดิมที่ต้องใช้ถ่านในการใช้งาน ให้เปลี่ยนมาเป็นแบตเตอรี่แบบ Rechargeable เหมือนกับตัวเครื่องรับสัญญาณแล้ว(ถ้าอ่านสเปคไม่ผิดนะครับ ลองอ่านภาษาปะกิดเองได้ ที่นี่)

รับ-ส่งสัญญาณได้ไกล และเสถียรมากยิ่งขึ้น

น่าจะเป็นจุดสำคัญ ที่ได้รับการอัพเกรดเข้ามาในไมค์ลอยรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ กับการพัฒนาการรับ-ส่งสัญญาณไร้สาย ให้สามารถรับ-ส่งได้ระยะที่ไกลขึ้นเป็น 30 เมตร(จากเดิม 10 เมตร) โดยที่ยังเสถียรอยู่ แต่จะเสถียรจริงอย่างที่แบรนด์แกว่ามั้ย? ไว้สินค้าเข้าไทยเมื่อไหร่ คุณต้นตาลจะมารีวิวเจาะลึกให้ชมกันอย่างแน่นอนครับ

JBL PartyBox Wireless MIC คาดว่าจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงปี 2024 นี้(อาจจะเป็นช่วงกลาง-ปลายปี) มีราคาเปิดตัวที่ต่างประเทศอยู่ที่ 149.95 ดอลลาร์สหรัฐ (แปลงเป็นค่าเงินไทย = 5,233.25 บาท) คาดการณ์ว่าน่าจะมีราคาเปิดตัวที่ประเทศไทย ไม่น่าเกิน 6,000 บาทครับ

ก็จบกันไปแล้วกับบทความแนะนำสินค้าใหม่ JBL PartyBox Wireless MIC ที่ดูน่าสนใจไม่น้อย ด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่เพิ่มเข้ามา และแบตเตอรี่ที่ได้รับการอัพเกรดให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น ไว้ตัวสินค้าเข้ามาจัดจำหน่ายในไทยเมื่อไหร่ ทีมงานคุณต้นตาลจะรีบมาทำรีวิวแบบละเอียด ให้เพื่อนๆ กันอีกที วันนี้ผมต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ ~

ขอบคุณข้อมูลจาก JBL News