อย่างที่ผมได้เกริ่นไปก่อนแล้วว่า EV ZLX นั้นเป็นซีรีส์ลำโพงที่ขายดีที่สุดในโลก แน่นอนว่าการจะปล่อยลำโพงออกมาเพื่อต่อยอดความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยมาตรฐานเดิมที่ทำไว้สูง บวกกับความคาดหวังของแฟนๆ ที่ต่างตั้งตารอ ZLX G2 มาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี…

เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทาง EV ได้ประกาศข่าวดี เปิดตัวลำโพง EV ZLX G2 อย่างเป็นทางการ สิ้นสุดการรอคอยของแฟนๆ กว่า 10 ปี EV ZLX G2 มีให้เลือกจับจองกันทั้งหมด 2 แบบ ทั้งแบบ ลำโพงมีแอมป์ในตัว(Active) และลำโพงไม่มีแอมป์ในตัว (Passive) โดยที่ในซีรีส์นี้จะเพิ่มลำโพงขนาด 8 นิ้ว เข้ามา จากเดิมที่จะมีเพียง 12 และ 15 นิ้ว รองรับกำลังขับสูงสุด(Peak) ที่ 1000 วัตต์ ทั้งเวอร์ชัน Powered และ Passive

โดยที่พรีวิวในบทความนี้ ผมจะขออนุญาตกล่าวถึงเพียง EV ZLX G2 ตัว Powered มีแอมป์ในตัว เนื่องจากเป็นตัวที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเข้ามาเยอะ และมีความแตกต่างจากรุ่นเก่าอย่างชัดเจน ส่วนรุ่นที่ไม่มีแอมป์ในตัวให้ถือซะว่าเป็นลำโพงสากกะเบือตัวนึงเท่านั้นแหละครับ(ตามที่พี่แฟรงกี้ว่าไว้ ผมเปล่าว่าเองนะครับ)

ดีไซน์ และการออกแบบของ EV ZLX G2

---

ภายนอกตัวลำโพง

ดีไซน์โดยรวมของตัวลำโพงจะเป็นการถอดแบบมาจากรุ่นเก่าทั้งหมด ชนิดที่ว่าหากนำรุ่นเก่า และรุ่นใหม่มาวางคู่กัน มองจากด้านหน้าแทบจะแยกไม่ออกเลยว่ารุ่นไหนรุ่นเก่า-ใหม่ โดยที่จะมีจุดแตกต่างอยู่ที่ภาคอินพุต และคอนโทรลที่ด้านหลัง จากเดิมที่ภาคคอนโทรลจะอยู่ตรงกลาง จะถูกย้ายให้เฉียงออกด้านข้างเล็กน้อย วัสดุตู้ลำโพงทางแบรนด์เลือกใช้เป็น Polypropylene (พลาสติกคุณภาพสูง) ตะแกรงวัสดุเป็นเหล็กพ่นเคลือบป้องกันรอยขีดข่วน และสนิม งานประกอบเนี้ยบ แข็งแรง ทนทาน หน้าตาดูดุดันตามสไตล์ของทางแบรนด์ Electro-Voice

ภายในตัวลำโพง

การจัดวางดอกลำโพงจะเป็นรูปแบบปกติของลำโพงทั่วๆ ไป ด้านล่างเป็นวูฟเฟอร์เสียงต่ำ และด้านบนเป็น Compression Driver เสียงกลางแหลม ที่ติดตั้งร่วมกับ WaveGuide เพื่อให้เสียงกลาง-แหลม พุ่งได้ไกลยิ่งขึ้น โดยที่หัวใจสำคัญที่ทำให้ EV ZLX G2 ตอบสนองต่อเสียงได้แม่นยำกว่าลำโพงแบรนด์อื่นๆ คือเทคโนโลยี SST(Signal Synchronized Transducers) ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันของดอกลำโพงทั้ง 2 ใบ มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

คุณภาพเสียงระดับ Pro ในเรทราคาที่ไม่ว่าใครก็เอื้อมถึง

---

ย้อนกลับไปตอนที่ EV ปล่อย ZLX รุ่นแรกเมื่อปี 2013 เป้าหมายคือการ สร้างมาตรฐานใหม่ ด้วยการนำ คุณภาพเสียงระดับมืออาชีพ(Pro-Audio) มายัดใส่ไว้ในลำโพงหลักหมื่น เรียกว่าเป็นการ ตบหน้า แบรนด์เครื่องเสียงอื่นๆ ให้ตื่นจากภวังค์ แล้วหันกลับมาจริงจังกับการพัฒนาเครื่องเสียงกันมากขึ้น

มาในรุ่น ZLX G2 ทางแบรนด์ได้วางเป้าหมายให้เป็น ภาคต่อของลำโพงที่ขายดีที่สุดในโลก ด้วยการยกระดับคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น ตอบสนองต่อเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตัวลำโพงทั้ง 3 ไซซ์ จะมาพร้อมแอมป์คลาส D ที่มีกำลังขับสูงสุด 1000 วัตต์ จาก Dynacord ให้เสียงที่ทรงพลัง และเต็มไปด้วยรายละเอียดตามสไตล์ของ EV Electro-Voice

ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ

---

EV ZLX G2 ได้รับการออกแบบมาอย่างละเอียด ให้สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้อย่างหลากหลาย น้ำหนักเบา พกพาสะดวก โดยที่คุณสามารถที่จะเลือกปรับการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นมากถึง 4 รูปแบบ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ทุกงานได้อย่างลงตัว

1. Kick-Back(เฉพาะ 12 และ 15 นิ้ว)
2. ใช้เป็นลำโพงมอนิเตอร์
3. ใช้งานร่วมกับเสาลำโพง
4. ติดตั้งใช้งานกับผนัง

ขับเคลื่อนเสียงอันทรงพลังโดย Dynacord

---

ลำโพงในซีรีส์ G2 (ที่มีแอมป์ในตัว) ทั้งหมดจะ “ขับเคลื่อนโดย Dynacord(Powered by Dynacord)” เหมือนกับ EV EVERSE Series ที่พึ่งปล่อยมาก่อนหน้าแบบเป๊ะๆ โดยที่ ZLX G2 จะเลือกใช้แอมป์คลาส D ที่มีกำลังสูงสุดรวม 1000 วัตต์(RMS 250 วัตต์) มาพร้อมมิกเซอร์ และ DSP Built-In มาให้ในตัว

มิกเซอร์ 3 อินพุต 4 ช่องสัญญาณ

• อินพุตที่ 1 คอมโบแจ็ค(Combo-Jack) รองรับการจ่ายไฟ 24V Phantom Power
• อินพุตที่ 2 คอมโบแจ็ค(Combo-Jack) และช่อง Hi-Z ¼” Jack สำหรับเครื่องดนตรี
• อินพุตที่ 3 บลูทูธ

DSP เอฟเฟกต์ให้ใช้กันแบบจุใจ

นอกจากมิกเซอร์ที่ Built-In มาให้แล้ว ตัวลำโพงยังมาพร้อม DSP เอฟเฟกต์มาให้ใช้กันอย่างจุใจมากถึง 30 เอฟเฟกต์ โดยที่เบื้องต้นจะมี Presets เสียงมาให้ใช้ทั้งหมด 5 แบบ

• Music
• Live
• Speech
• Club
• FRFR(Full Range, Flat Response)

และหากต้องการใช้งานให้ละเอียดขึ้นอีก ตัวลำโพงก็ยังมีเอฟเฟกต์ต่างๆ ให้เลือกใช้ทั้งหมดกว่า 30 เอฟเฟกต์ เช่น Reverb, Echo, Delay และ Chorus มีฟีเจอร์ที่จำเป็นอย่าง AFS, Ducker, PEQ, GEQ และ Compression เรียกว่ามีมาให้ใช้กันแบบครบๆ ตอบโจทย์งานของคุณได้อย่างแน่นอน

รองรับการใช้งานผ่านบลูทูธ 5.0 และควบคุมสั่งการผ่านแอป EV QuickSmart App

---

ZLX G2 จะรองรับการใช้งานแบบไร้สายผ่านบลูทูธเวอร์ชัน 5.0 รองรับ TWS และที่สำคัญคือรองรับการใช้งาน ควบคุม สั่งการผ่านแอปพลิเคชัน EV QuickSmart App