รีวิว BOSE S1 PRO + พร้อมราคา ดีกว่ารุ่นเดิมยังไง? บทความนี้มีคำตอบ

Home » รีวิวสินค้า » รีวิว BOSE S1 PRO + พร้อมราคา ดีกว่ารุ่นเดิมยังไง? บทความนี้มีคำตอบ

Estimated reading time: 5 นาที

หากเราจะพูดถึงลำโพง PA แบบพกพา สำหรับงานแสดง หรือพื้นที่ขนาดเล็ก ตัวเลือกแรกที่มักจะเด้งเข้ามาในหัวของนักร้อง และนักดนตรีเสมอ คงจะหนีไม่พ้น Bose S1 PRO ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก แถมยังมีแบตเตอรี่สำหรับการใช้งานนอกสถานที่ ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับสถานที่ขนาดเล็ก ให้คุณภาพ และพลังเสียงที่ดีเกินตัว เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018(อายุ 5 ขวบนับถึงปัจจุบัน)

มาวันนี้ Bose กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับ S1 PRO Plus ที่อัพเกรดความสามารถจากรุ่นเก่า ในทุกๆ ด้าน พร้อมรูปแบบการใช้งานแบบไร้สายเต็มระบบ จะมีฟีเจอร์อะไรเจ๋ง และน่าสนใจแค่ไหน ถ้าพร้อมแล้ว ไปชมกันเลยครับ ~

แชร์หน้านี้ :

สารบัญ

Bose S1 Pro
รีวิว Bose S1 Pro +
Bose S1 Pro+ ดีกว่า Bose S1 Pro รุ่นเก่ายังไง?
Bose S1 Pro Plus ราคา

BOSE S1 PRO

BOSE S1 PRO MULTI-POSITION PA SYSTEM ลำโพงพกพา 6 นิ้ว 150 วัตต์ ฿29,900 (รวม VAT 7% แล้ว)

เมื่อพูดถึงแบรนด์เครื่องเสียงระดับ Top-Tier ชื่อของ BOSE จะต้องเด้งเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรกๆ อย่างไม่ต้องสงสัย การันตีความยอดเยี่ยมของคุณภาพเสียงอันไพเราะ เป็นธรรมชาติ ด้วยชื่อเสียงที่สะสมมาอย่างยาวนาน

ก่อนที่จะพาไปเจาะลึกกับลำโพงรุ่นใหม่ BOSE S1 PRO + ผมอยากอธิบายความยอดเยี่ยมของ รุ่นเก่ายอดฮิตอย่าง BOSE S1 PRO ว่ามันดียังไง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจว่าทำไมในรุ่นใหม่นี้ถึงน่าสนใจ

Bose S1 Pro เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018 นับถึงปัจจุบันก็อายุอานามปาเข้าไปเกือบๆ 5 ขวบได้แล้ว แต่ถ้าผมบอกว่าเจ้าลำโพงตัวนี้ เป็นลำโพงที่ทุกวันนี้ยังมีลูกค้าสอบถามมายังแอดมินกันอยู่เป็นประจำ เพื่อนๆ จะเชื่อกันมั้ย? ทำไมลูกค้ายังถามหาลำโพงเก่าที่มีอายุเกือบ 5 ปี มันเจ๋ง และดียังไง!?

Bose S1 Pro ดียังไง?

ในช่วงประมาณปี 2018 เป็นช่วงที่ผู้นำด้านเครื่องเสียงหลากหลายแบรนด์ เริ่มที่จะหันมาสนใจตลาดในกลุ่ม ลำโพง PA แบบพกพา มากยิ่งขึ้น(เหมือนอย่างที่ลำโพงปาร์ตี้ได้รับความนิยมฉันใดก็ฉันนั้น) ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจาก ลำโพง PA แบบพกพาอเนกประสงค์ ยอดฮิตอย่าง Bose S1 Pro นั่นเอง

ตัวลำโพงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็ก พกพาสะดวก ดีไซน์ดู ดุดัน สวยงาม และมีระดับตามสไตล์ของ BOSE มาพร้อมมิกเซอร์แบบอนาล็อก Built-In มาให้ 3 ชาแนล มีแบตเตอรี่ในตัว ไซส์เล็ก พกพาสะดวก

สิ่งที่ทำให้ Bose S1 Pro โดดเด่นที่สุดในตลาด คือคุณภาพของเสียง ที่ต้องบอกเลยว่าคุณภาพเสียงดีเกินตัว แม้จะเป็นลำโพงที่เปิดตัวมาแล้วเกือบ 5 ปี แต่ในด้านคุณภาพเสียง ถ้าวัดกันในไซส์นี้ต้องบอกว่าหาตัวจับยาก จะเอาลำโพงไซส์ใกล้เคียงตัวไหน แบรนด์ใดมาเทียบ ก็ดูเหมือนจะ Miss Match กันไปหมด จึงไม่แปลกใจ ที่ทางแบรนด์ตัดสินใจเลือกหยิบมาพัฒนาต่อยอดเป็น ลำโพง Bose S1 Pro Plus..

อ่าน รีวิว BOSE S1 PRO

− กลับสู่สารบัญ −

รีวิว BOSE S1 PRO +

BOSE S1 PRO+ MULTI-POSITION WIRELESS PA SYSTEM ลำโพงพกพา เริ่มต้นที่: ฿33,790 (รวม VAT 7% แล้ว)

ภาพรวม Bose S1 Pro +

ยังคงเป็นลำโพง PA อเนกประสงค์แบบพกพา ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในสถานที่ที่มีขนาดเล็กเหมือนเดิม ทางแบรนด์ได้วิเคราะห์ และพัฒนา Bose S1 Pro Plus เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุม และสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน โดยยังคงข้อดีหลายๆ อย่างไว้ครบถ้วน ทั้งดีไซน์ ขนาดตัว มิกเซอร์ และที่สำคัญ คือคุณภาพเสียง

ตัวลำโพงจะมาพร้อมมิกเซอร์ Built-In 3 ชาแนลเช่นเคย แต่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการควบคุม เพื่อให้ดูทันสมัย และใช้งานได้ง่ายมากขึ้น จากเดิมที่แยก Knobs สำหรับควบคุม Bass, Treble และ Reverb ในทุกชาแนล ให้เป็นแบบ 1-Knobs คอนโทรล โดยจะมีหน้าจอ OLED สำหรับตั้งค่าทุกอย่าง แยกอิสระในทุกชาแนล

ในส่วนของดอกลำโพงทางแบรนด์ยังคงเลือกใช้ ดอกลำโพงขนาดเดิมทั้งหมด โดยวูฟเฟอร์เสียงต่ำจะมีขนาด 6 นิ้ว และทวีตเตอร์เสียงกลางแหลมขนาด 2.25 นิ้ว เรียงกันในแนวตั้งทั้งหมด 3 ดอก ถึงแม้จะเป็นดอกลำโพงขนาดเดิม แต่ได้รับการปรับจูนเสียงให้ตอบสนองต่อเสียงได้ละเอียด และเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น มิติของเสียงจะดีกว่ารุ่นก่อนอยู่พอสมควร

การออกแบบ ขนาด และงานประกอบ

BOSE S1 PRO+ MULTI-POSITION WIRELESS PA SYSTEM ลำโพงพกพา เริ่มต้นที่: ฿33,790 (รวม VAT 7% แล้ว)

การออกแบบ ขนาด และงานประกอบเป็น 1 ในจุดที่ทำให้ Bose S1 Pro ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก ด้วยขนาดตัว ที่เล็ก กะทัดรัด ช่วยให้พกพาไปใช้งานได้สะดวกสุดๆ โดยที่ในรุ่นนี้จะมีขนาดตัวอยู่ที่ กว้าง 238 มม. ยาว 279 มม. สูง 332 มม. เล็กกว่ารุ่นเก่าเล็กน้อย(จากเดิม กว้าง 241 มม. ยาว 286 มม. สูง 330 มม.) และมีน้ำหนักตัวที่เบาลงกว่าเดิมเหลือเพียง 6.5 กก.(จากเดิม 6.8 กก.) ช่วยให้การพกพาไปใช้งานนอกบ้านนั้นสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก

ในส่วนของการออกแบบภายนอก คุณสามารถที่จะแยก Bose S1 Pro และ Bose S1 Pro Plus ได้ง่ายๆ โดยที่ในรุ่นเก่าดีไซน์ของลำโพงจะมาในคอนเซ็ปต์ที่ดูดุดัน โครงสร้างของตัวลำโพงจะมีลักษณะเป็นเหลี่ยม ส่วนในรุ่นใหม่จะมาในคอนเซ็ปต์ที่ดูสวยงาม และหรูหรามากขึ้น โครงสร้างของลำโพงที่เคยเหลี่ยม ก็ถูกปรับให้โค้งมนมากยิ่งขึ้น ดูดีมีระดับ กันคนละแบบ(โดยส่วนตัวทีมงานชอบความโค้งมน ดูหรูมีระดับของรุ่น Plus มากกว่า)

เลือกติดตั้งใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

อีก 1 จุดที่ทำให้ Bose S1 Pro ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือความยืดหยุ่นในการใช้งาน คุณสามารถที่จะเลือกวางลำโพงใช้งานได้ถึง 3+1 แบบ

1. ติดตั้งตั้งใช้งานปกติ
2. แหงนลำโพงขึ้น 30°
3. วางนอนเป็นลำโพง Stage Monitor
4. ติดตั้งใช้งานร่วมกับขาตั้ง

ดอกลำโพง และคุณภาพเสียง

BOSE S1 PRO+ MULTI-POSITION WIRELESS PA SYSTEM ลำโพงพกพา เริ่มต้นที่: ฿33,790 (รวม VAT 7% แล้ว)

ทางแบรนด์เลือกใช้ดอกลำโพงวูฟเฟอร์เสียงเบส ขนาด 6 นิ้ว 1 ดอก และดอกทวีตเตอร์เสียงกลาง-แหลม ขนาด 2.25 นิ้ว เรียงกันในแนวตั้งอยู่ด้านหน้าดอกวูฟเฟอร์เสียงเบสทั้งหมด 3 ดอก โดยที่ดอกทวีตเตอร์ จะหันทำมุมแตกต่างกัน ช่วยให้เสียงครอบคลุมพื้นที่การใช้งานได้กว้างเป็นพิเศษ

จากภาพจะสังเกตุได้ว่าการจัดวางตำแหน่งดอกลำโพงของ Bose นั้นจะมีความพิเศษกว่าลำโพงจากแบรนด์อื่นๆ ด้วยการนำเอาดอกลำโพงกลางแหลม มาวางซ้อนอยู่ด้านหน้าดอกวูฟเฟอร์ ส่งผลให้เสียงที่ได้ จะค่อนข้างกลมกล่อม คุณจะรู้สึกว่าเสียงกลาง-แหลม และเสียงเบสไม่ได้แยกออกจากกัน เสียงทั้งหมดจะเดินทางมาถึงหูของผู้ฟังในจังหวะเวลาที่ใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้หากคุณสังเกตุไปที่ดอกทวีตเตอร์ด้านหน้าทั้ง 3 ดอก คุณจะเห็นว่าแต่ละดอกจะถูกจัดวางให้เอียงทำมุมต่างกันทั้งหมด คล้ายๆ กับดอกทวีตเตอร์ของ Bose L1 Series ซึ่งมันจะช่วยให้มิติของเสียงกว้าง และโอบล้อมผู้ฟังได้ดียิ่งขึ้น Sound Stage หรือเวทีเสียงจะกว้างกว่าลำโพงในไซส์เดียวกันแทบทั้งหมด

ตั้งค่า ควบคุม และสั่งการผ่านแอป Bose Music

ตัวลำโพงจะรองรับการใช้งาน ควบคุม และตั้งค่า ผ่านแอปพลิเคชัน Bose Music App ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถตั้งค่า Bass, Treble และ Reverb โดยตรงผ่านที่ตัวลำโพงได้เลย แต่แอปพลิเคชัน Bose Music App จะช่วยให้คุณตั้งค่า และควบคุมลำโพงได้ง่าย และดียิ่งกว่า นอกจากนี้ยังมีการตั้งค่า หรือฟีเจอร์การใช้งานบางอย่างที่คุณจำเป็นต้องใช้งานผ่านแอปพลิเคชันเท่านั้น ไหนๆ ก็ซื้อลำโพงแล้ว โหลดแอปมาใช้เถอะพี่

− กลับสู่สารบัญ −

Bose S1 Pro + ดีกว่า Bose S1 PRO รุ่นเก่ายังไง?

Built-In ตัวรับสัญญาณไร้สาย (Wireless Receiver) 2 ชาแนล

ถูกออกแบบ และพัฒนามาเพื่อการใช้งานแบบไร้สายโดยเฉพาะ ตัวลำโพง BOSE S1 Pro Plus จะ Built-In ตัวรับสัญญาณ (Receiver) แบบไร้สาย 2.4 GHz 2 ชาแนล(ชาแนล 1 และ 2) ช่วยเพิ่มทางเลือกในการใช้งานให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยที่จะมีระยะในการรับสัญญาณไกลสุด 30 ฟุต(เกือบๆ 10 เมตร) ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสมสำหรับ Bose S1 Pro Plus พอดีครับ

ในส่วนของเครื่องส่งสัญญาณ (Transmitter) แบบไร้สาย เพื่อนๆ จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม (Optional) ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของแต่ละคน โดยที่ทาง Bose ได้ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ มาเป็นอย่างดี จึงได้ออกแบบตัวลำโพงให้มีช่องสำหรับชาร์จไฟ ให้กับเครื่องส่งสัญญาณ 2 ช่อง ซึ่งตัวส่งสัญญาณไร้สาย (Transmitter) จะมีให้เลือกใช้งานอยู่ 2 แบบ คือ Bose WT-XLR และ Bose WT-INST

ข้อควรรู้
ตัวส่งสัญญาณไร้สาย Bose WT-XLR จะรองรับการใช้งานเฉพาะ ไมโครโฟนไดนามิกเท่านั้น ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ เนื่องจากไม่มีฟังก์ชั่นในการจ่ายไฟ Phantom Power

BOSE WT-XLR เครื่องส่งสัญญาณแบบไร้สาย

เปลี่ยนไมค์ไดนามิกแบบใช้สายธรรมดาๆ ของคุณ ให้กลายเป็นไมโครโฟนไร้สาย เพียงแค่ Plug On เสียบ Bose WT-XLR เข้ากับตูดไมค์ ก็พร้อมใช้งานในทันที

ดูข้อมูลสินค้า Bose WT-XLR

BOSE WT-INST เครื่องส่งสัญญาณแบบไร้สาย

จะรองรับการใช้งานร่วมกับเครื่องดนตรีทุกชนิดที่มี Output แบบแจ็ค TS Phone หรือ 6.3mm. เช่น กีต้าร์, เบส และอูคูเลเล่ เป็นต้น

ดูข้อมูลสินค้า Bose WT-INST

ชาแนล Inserts เติมเอฟเฟกต์ สำหรับการใช้งานแบบไร้สาย

เมื่อคุณต้องการใช้งานกีต้าร์แบบไร้สาย หากคุณต้องการจะต่อเอฟเฟกต์ต่างๆ เพิ่ม ปัญหาที่เกิดขึ้นคือท้ายสุด ยังไงกีต้าร์ของคุณก็ยังคงต้องต่อสายไปที่เอฟเฟกต์อยู่ดี แต่ Bose S1 PRO Plus เจ๋งกว่านั้นเยอะ คุณสามารถที่จะเชื่อมต่อใช้งานกีต้าร์แบบไร้สายไปยังลำโพง และเชื่อมต่อเอฟเฟกต์ ต่างๆ ที่ต้องการผ่านสาย ไปที่ชาแนลเดียวกันนั้น แล้วสัญญาณเสียงจากกีต้าร์ และเอฟเฟกต์ จะถูกมิกซ์รวมกันบนมิกเซอร์ของ Bose S1 Pro Plus

แชร์หน้านี้ :

หน้าจอแสดงผลแบบ OLED ในทุกชาแนล

ในส่วนของชาแนลมิกเซอร์ ยังคงเป็นมิกเซอร์ 3 ชาแนลเหมือนกับในรุ่นก่อนโดยที่ชาแนล 1-2 เป็น Combo-Jack ส่วนในชาแนลที่ 3 จะเป็น ช่อง AUX 3.5mm. หรือ Bluetooth พร้อมแถบไฟ แสดงสถานะ บอกระดับความแรงสัญญาณในทุกชาแนล สิ่งที่ต่างจากรุ่นก่อนชัดเจนคือ ในรุ่น S1 Pro Plus จะมีหน้าจอ OLED ในทุกชาแนล เพื่อความสะดวก และง่ายในการตั้งค่าใช้งาน

อีกจุดสำคัญที่ได้รับการปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น ในรุ่น S1 Pro Plus คือการบอกปริมาณของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ ซึ่งจะดูได้ชัดเจนจากจอ OLED ที่ตัวลำโพงเลย หากคุณเคยได้ใช้งาน Bose S1 Pro รุ่นเก่ามา คุณคงจะรู้ว่าการดูแบตเตอรี่ของ Bose S1 Pro เป็นจุดอ่อน ที่เหมือนเป็นจุดด่างพร้อยสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะการดูปริมาณแบตเตอรี่ในรุ่นก่อน คุณต้องสังเกตจากการกระพริบของไฟ LED (เรื่องจริงไม่ติงนัง 55555)

พกพาง่ายยิ่งขึ้น ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาลง และขนาดตัวที่เล็กลง

Plus ในชื่อรุ่น ไม่ได้หมายความ Plus-Size(ขยายขนาด) แต่ทางแบรนด์รู้ดีว่าข้อดีของ Bose S1 Pro คือขนาดตัวที่เล็ก เบา และพกพาสะดวก จึงได้ลดขนาด และน้ำหนักลง เพื่อให้ง่าย และสะดวกต่อการพกพามากยิ่งขึ้นไปอีก

− กลับสู่สารบัญ −

Bose S1 Pro Plus ราคา

NEW

BOSE S1 PRO+ MULTI-POSITION WIRELESS PA SYSTEM ลำโพงพกพา

เริ่มต้นที่: ฿33,790 (รวม VAT 7% แล้ว)

Bose S1 Pro Plus จะมีราคาขายในเว็บต่างประเทศอยู่ที่ 699 เหรียญ หรือตีเป็นเงินบาท = 24,054.69 บาท(ลำโพง + แบตเตอรี่) และแพ็คลำโพง + ตัวส่งสัญญาณไร้สาย ราคา 848 เหรียญ ตีเป็นเงินบาท = 29182.22 บาท

โดยที่ในรุ่นก่อนอย่าง Bose S1 Pro จะมีราคา 33,790 บาท ถ้าให้ ทีมงานคาดเดา ในรุ่น Bose S1 Pro Plus น่าจะมีค่าตัวประมาณ 36,000-40,000 บาท ส่วนวันวางจำหน่ายหากทีมงานทราบจะรีบมาแจ้งให้ทราบอย่างแน่นวล

**อัพเดทล่าสุด 4/12/66
สินค้าพร้อมจำหน่าย ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 33,790 บาท ราคาเดียวกันกับรุ่นก่อน

หวังว่าบทความนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆ บ้างไม่มากก็น้อย หากชื่นชอบบทความรีวิวเปรียบเทียบสเปคแบบนี้ รบกวนกดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน วันนี้ ผมต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ ~

ขอบคุณข้อมูลสินค้าจาก Bose, zZounds
ขอบคุณภาพประกอบจาก Matt Griffo

− กลับสู่สารบัญ −