รีวิว YAMAHA DM3 Series ดิจิตอลมิกเซอร์ ตัวเล็ก แต่สเปคยักษ์

รีวิว YAMAHA DM3 Series ดิจิตอลมิกเซอร์ ตัวเล็ก แต่สเปคยักษ์ มิกเซอร์ที่ได้ชื่อว่ากระทัดรัดแต่มีความสามารถรอบด้านที่ขัดกับขนาดตัว เป็น 1 ในมิกเซอร์ของปี 2023 ที่ผู้คนให้ความสนใจและตั้งตารอกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันนี้เราจะพาไปดูฟีเจอร์และฟังก์ชั่นรวมถึงราคากันโดย YAMAHA DM3 Series นั้นมีด้วยกัน 2 รุ่น 2 ราคาคือ DM3S (Standard) และ DM3-D (มี Dante) พร้อมแล้วไปชมกันเลยครับ

“รีวิว YAMAHA DM3 Series ดิจิตอลมิกเซอร์ ตัวเล็ก แต่สเปคยักษ์”

รายละเอียดสินค้า

เป็นมิกเซฮร์ที่มีขนาดกระทัดรัดแต่ให้มาถึง 22 ชาแนล
แอมป์ไมโครโฟนที่โดดเด่น 16 ตัว
2 x 2 บันทึกโดยตรงไปยังไดรฟ์ USB
หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว
เอฟเฟกต์ที่ยอดเยี่ยม DSP ในตัว
โหมด DAW remote พร้อม transport control
sampling rates สูงถึง 96kHz
อินเทอร์เฟซ Dante ขนาด 16 x 16
การควบคุมแบบกำหนดเองผ่าน OSC, USB-MIDI และแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ ProVisionaire
อินเทอร์เฟซเสียง USB 18 x 18 สำหรับเล่นและบันทึก
มิกซ์โมโน 6 ตัวหรือสเตอริโอ 3 ตัว เมทริกซ์ 2 ตัว และสเตอริโอบัส 1 ตัว

ภาพรวม

DM3 Series เป็นมิกเซอร์ขนาดกระทัดรัดรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ YAMAHA ที่ทุกคนรู้จักชื่อเสียงกันเป็นอย่างดี เป็นธรรมดาที่เมื่อเราได้ยินคำว่า กะทัดรัด ในมิกเซอร์ตัวไหนก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มักจะมีการตัดความสามารถหรือคุณสมบัติบางอย่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสามารถในการทำงาน ด้านเสียง การเชื่อมต่อ หรือทั้ง 3 อย่าง เพื่อแลกกับความสามารถในการพกพา แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อาจใช้ไม่ได้กับ YAMAHA DM3 Series

โดยที่จุดเด่นที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งอย่าง คือ คุณสมบัติและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่จัดเต็มแบบสุดๆ ให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม การติดตั้งและการใช้งานที่ง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับงานไลฟ์ซาวด์ งานสตรีม และการบันทึกสดหรือโฮมสตูดิโอ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวไม่มีใครเทียบได้ โดยซีรีส์ DM3 ประกอบด้วยสองรุ่น ได้แก่ DM3S และ DM3D

DM3S และ DM3D แตกต่างกันอย่างไร ?

ซีรีส์ DM3 ประกอบด้วยสองรุ่นได้แก่ DM3 Standard หรือ DM3S และ DM3-D ที่มีรุ่นที่มี Dante Port โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ก็มีราคาที่แตกต่างกันไป

Dante คืออะไร

เป็นระบบส่งสัญญาณแบบดิจิตอลที่ผสมผสานระหว่างซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และโปรโตคอล โดยจะส่งแบบไม่บีบอัดและมีความหน่วงแฝงต่ำ (Low Latency) ผ่านเครือข่ายอีเทอร์เน็ตมาตรฐาน นอกจากนี้ยังสามารถรับชาแนลได้มากกว่าและสามารถบันทึกเสียง/และเล่นเสียง ผ่านระบบและเข้าคอมพิวเตอร์ได้เลย โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ใดแยก

เทคโนโลยี Dante (ดันเต้) คืออะไร? ใช่ Port ที่อยู่ด้านหลัง มิกเซอร์ ดิจิตอล หรือเปล่า?

การออกแบบ

รูปลักษณ์ภายนอกนั้นถอดแบบมาจากมิกเซอร์รุ่นใหญ่ YAMAHA TF1 ทั้งในด้านดีไซน์ และการใช้งานต่างๆ โดยที่ DM3 จะมีสีดำ พร้อมดีไซน์ที่เรียบหรูสวยงาม มาเริ่มกันจากด้านบน เป็นจอแบบสัมผัสรายละเอียดของหน้าจอมีความชัดเจนและสัมผัสง่าย นอกจากนี้สามารถสัมผัสแบบมัลติทัชได้อีกด้วย ส่วนของหน้าจอทำออกมาได้ดีเลยครับ ถัดจากหน้าจอไปด้านขวาก็จะเป็นช่อง USB และส่วนของช่องหูฟังมอนิเตอร์พร้อมปุ่มปรับระดับของเสียง

ในส่วนของเฟดเดอร์เป็นแบบ 8 + 1 ที่มีความสมูทในการเลื่อนขึ้นและลง มาพร้อมรางสไลด์ที่มีความยาวทำให้การปรับค่าเฟดเดอร์ด้วยมือนั้นมีความแม่นยำขึ้น ส่วนด้านบนของเฟดเดอร์แต่ละช่องนั้นจะประกอบไปด้วยปุ่ม 3 ปุ่ม ได้แก่ SEL, CUE, ON

ด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Touch and Turn ที่ไว้ใช้งานร่วมกับหน้าจอทัชสกรีน มาที่ด้านล่างกันต่อ ใกล้ๆ กันก็เป็นส่วนของเฟดเดอร์แบงค์ ที่ไว้ใช้เรียกดู ขาอิน ขาเอาท์ เอฟเฟกต์ต่าง ๆ และสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ถัดลงมาก็จะเป็นปุ่มโฮม และส่วนสุดท้ายคือส่วนของ User defined keys ซึ่งเป็นคีย์ที่กำหนดโดยผู้ใช้ ในส่วนของขนาดและน้ำหนักจะมีขนาดอยู่ที่ 320 มม. x 455 มม. x 140 มม (กว้าง x สูง x ลึก) และมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 6.4 กิโลกรัม

ส่วนของ Input และ Output

Input

ส่วนของ input จะทีทั้งหมด 16 input แบบเป็น 2 แถว โดยช่องที่ 13-16 จะเป็นแบบ Combo Jack ซึ่งรองรับการใช้งานได้ทั้งแบบ Phone Jack และ XLR

Output

ส่วนของ Output มีทั้งหมด 8 ช่องแบ่งเป็น 2 แถว โดยที่ช่อง 7-8 เป็น Main ถัดลงมาด้านล่างจะเป็น ช่อง LAN สำหรับต่อเข้ากับระบบ Network ถัดมาช่องข้าง ๆ กันจะเป็นช่อง USE TO HOST สำหรับต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ และสุดท้ายก็จะเป็นช่อง DC Input ส่วนรุ่น DM3-D นั้นก็จะมี Dante Port เพิ่มขึ้นมาซึ่งเป็น PRIMARY และ SECONDARY

คุณสมบัติและฟังก์ชั่นการทำงาน

รวดเร็ว คล่องตัว น้ำหนักเบา เพื่อการพกพาที่ดีเยี่ยม

การขนส่ง เคลื่อนย้ายและการติดตั้งระบบเสียงในสถานที่จัดงานมักจะเป็นปัญหาที่ยุ่งยากอยู่เสมอ แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหากคุณเลือกใช้มิกเซอร์ YAMAHA DM3 Series ด้วยการออกแบบโครงสร้าง และการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ทำให้ตัวมิกเซอร์จะมีน้ำหนักเบา เพียง 6.5 กก.

มิกเซอร์ตัวเล็ก สเปคยักษ์

มีเอฟเฟ็กต์คุณภาพสูง

DM3 Series มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์มัลติเอฟเฟ็กต์คุณภาพสูง 2 ตัว ซึ่งมีเอฟเฟ็กต์คุณภาพสูง 18 ชนิด รวมถึง REV HD และ REV R3 ซึ่งเป็นมิกเซอร์ชนิดแรกใน Yamaha ให้อิสระแก่วิศวกรเสียงในการสร้างเสียง

QuickPro Presets

Yamaha ได้ทำงานร่วมกับวิศวกรที่มีชื่อเสียงและผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Audio-Technica, FitEar, Sennheiser, Shure, Ultimate Ears และ Westone Laboratories เพื่อพัฒนาตัวเลือก QuickPro Presets ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับไมโครโฟนและอุปกรณ์เอาต์พุตที่หลากหลาย แม้แต่ผู้ใช้ใหม่สามารถเข้าใกล้ที่ดีที่สุดได้ ในขณะเดียวกันจะช่วยประหยัดเวลาให้กับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์โดยมี Presets ให้เลือกใช้มากกว่า 200 ค่าสำหรับช่องสัญญาณอินพุต ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่เสียงร้องไปจนถึงเสียงกลองชุดและทั้งหมดที่กล่าวมาได้รับการปรับจูนเสียงแม่นยำโดยใช้ไมโครโฟนและเครื่องดนตรีที่มีอยู่มากมาย

Scene Presets

Scene Presets พร้อมใช้งานสำหรับแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ใช้ DM3 Series ในการผสม ทำให้การตั้งค่าทำได้ง่ายและรวดเร็ว ได้แก่

Podcasting
Recording
Rock band
Jazz Combo
HOW Service 1

HOW Service 2
Corp w/ Band
Video Meeting
Karaoke

Theater
All Talkers
All Headset mics
Festival

การสตรีมสดคุณภาพระดับมืออาชีพ

DM3 มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ USB ที่ช่วยให้คุณถ่ายทอดสดได้ในทันที นอกจากนี้ยังมีการตั้งค่า Preset จากโรงงานที่มุ่งเป้าไปที่การสตรีมสดอย่างราบรื่นและไร้ปัญหาโดยเฉพาะ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการกำหนดค่าคอนโซลหลายตัว

คุณสมบัติการสตรีมที่ครอบคลุม
คุณสมบัติต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการสตรีมนั้นได้ถูกจับมาใส่ไว้ใน DM3 แล้ว ตัวเครื่องมีขั้วต่อ I/O และ USB ทำให้สามารถป้อนเสียงไปยัง DM3 และส่งสัญญาณเสียงโดยตรงไปยังคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์สตรีมมิ่ง และอนุญาตให้ผสมเสียงสำหรับการใช้งานแบบ on-site และสตรีมมิ่งแยกกัน นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนแพตช์ได้อย่างอิสระ เพื่อให้เหมาะกับสถานที่ต่าง ๆ

ฟังก์ชันการบันทึกและการแก้ไข

DM3 Series นับว่าเป็นเครื่องมือผลิตเพลงที่มีคุณสมบัติครบครันและพกพาสะดวก ครอบคลุมพื้นฐานทั้งหมดสำหรับความต้องการในการบันทึกและการแก้ไข ฟังก์ชัน DAW Remote ช่วยให้ใช้อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อควบคุมการมิกซ์และการบันทึกเสียงได้จากทุกที่ในสถานที่แสดงสด สามารถจัดเก็บได้โดยตรงผ่าน USB บนพีซีที่เชื่อมต่อผ่าน USB กับ HOST หรือบนอุปกรณ์ที่เข้ากันได้กับ Dante และแก้ไขด้วยซอฟต์แวร์ Cubase AI ที่ให้มาหรือชุด DAW ที่คุณเลือก

DAW Remote
เข้ากันได้ดีกับ Digital Audio Workstation หรือ DAW การใช้งาน DAW เช่น การปรับระดับเสียง เล่น และหยุดสามารถทำได้โดยใช้เฟดเดอร์และปุ่มของคอนโซลเป็นตัวควบคุมเพื่อการทำงานที่ราบรื่น มาพร้อมกับ Cubase AI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์การผลิตเพลง การเปลี่ยนไปใช้โหมด DAW ทำได้ง่ายๆ โดยการกด USER DEFINED KEYS 1 และ 2 พร้อมกัน
การควบคุม Monitor Levels ที่แม่นยำ
DM3 Series นั้นอนุญาตให้ควบคุมระดับมอนิเตอร์ด้วยเฟดเดอร์ เข้าถึงได้ง่ายและสะดวก เพื่อการตรวจสอบที่ราบรื่นและแม่นยำยิ่งขึ้น หรือใช้ User Defined Keys เพื่อปรับระดับเสียงแยกจากกันโดยการเปลี่ยนแหล่งที่มา
การบันทึกที่หลากหลาย
DM3 ทั้งสองรุ่นรองรับการบันทึกแบบ multitrack ผ่าน USB ไปยัง Host ในขณะที่การบันทึกแบบ 2 แทร็กอย่างง่ายสามารถทำได้โดย USB คอนโซล DM3 ที่ติดตั้ง Dante ยังเพิ่มความสามารถในการบันทึกแบบ multitrack โดยใช้ Dante Virtual Soundcard หรือพูดง่ายๆ ก็คือDM3 มีตัวเลือกการบันทึกมากมายที่ให้ผู้ใช้มีความยืดหยุ่นในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย
Cubase AI
มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ Cubase AI ที่ดาวน์โหลดได้จาก Steinberg ที่เป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังและยืดหยุ่นสำหรับการผลิตเพลง

สรุป YAMAHA DM3 SERIES ดีหรือไม่ และ เหมาะกับใคร ?

YAMAHA DM3 SERIES นั้นเป็นดิจิตอลมิกเซอร์ที่มีขนาดกระทัดรัดและมีความสามารถที่รอบด้านไม่ว่าเป็นการใช้ในงาน ระบบเสียงติดตั้ง ไลฟ์ซาวด์ สตรีมมิ่ง โปรดักชั่น โดย YAMAHA นั้นได้นำเอาฟังก์ชั่นและคุณสมบัติที่โดนเด่นและจำเป็นต่างๆ มาใส่ไว้ใน DM3 SERIES ทำให้เป็น 1 ในมิกเซอร์ที่มีความอเนกประสงค์ฉีกกฎมิกเซอร์แบบเดิมๆ นอกจากนี้ยังให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม หากกำลังมองหามิกเซอร์ขนาดกระทัดรัดแต่มีความสามารถที่เกินตัว ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว และราคาที่เห็นแล้วน่าจับจอง ก็ขอแนะนำ YAMAHA DM3 SERIES ไว้พิจารณาครับ คุ้มจริงอะไรจริง