ใหม่!! RODE Wireless GO (Gen 3) ที่สุดของไมค์บันทึกเสียง เพิ่มสีสันใหม่ ล้ำสมัยกว่าเดิม

สารบัญ

• ภาพรวม
• ฟีเจอร์และคุณสมบัติที่น่าสนใจ
• Wireless GO (Gen 3) เหมาะกับใคร?
• Wireless GO (Gen 3) คุ้มค่าไหม?
  • ผู้ที่อยากย้ายจาก Wireless GO II มา Wireless GO (Gen 3) แล้วยังลังเลอยู่
  • ผู้ที่ไม่เคยใช้ Series Wireless GO มาก่อนแล้วสนใจรุ่นใหม่นี้
• สรุป

ภาพรวม

Rode Wireless GO (Gen 3) ไมโครโฟนไร้สายระดับตำนานที่กลับมาพร้อมการพัฒนาแบบก้าวกระโดด จากความสำเร็จของ Wireless GO II ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในไมโครโฟนไร้สายที่ดีที่สุดในโลก Gen 3 ได้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยระบบบันทึกเสียง 32-bit Float เพื่อคุณภาพเสียงที่คมชัดและละเอียดทุกมิติ พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง Intelligent GainAssist ที่ช่วยปรับระดับเสียงให้อัตโนมัติ คุณจึงมั่นใจได้ในทุกสถานการณ์การบันทึกเสียง

นอกจากนี้ รุ่นนี้ยังมาพร้อมการปรับปรุงดีไซน์และฟีเจอร์ให้ตอบโจทย์ความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ง่ายดาย หรือความยืดหยุ่นที่ช่วยให้คุณสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้หลากหลายกว่าเดิม อีกหนึ่งความพิเศษคือการเพิ่มสีสันใหม่ถึง 14 สีให้เลือกตามสไตล์ของคุณ ได้แก่

• โทนคลาสสิก: สีดำ, สีขาว
• โทนสดใส: สีฟ้า, สีโคบอลต์บลู, สีเขียว, สีมอส
• โทนอุ่น: สีส้ม, สีชมพู, สีแดง, สีโรส
• โทนพาสเทล: สีไลแลค, สีม่วง
• โทนเอิร์ธ: สีเคลย์, สีสโตน

ฟีเจอร์และคุณสมบัติที่น่าสนใจ

• เป็นระบบ Dual-channel ที่รองรับสัญญาณเสียงได้จากไมโครโฟน 2 ตัวพร้อมกันในอุปกรณ์เดียว
• ใช้เทคโนโลยีการส่งสัญญาณเสียงดิจิตอล 2.4 GHz รุ่น Series IV ของแบรนด์ RODE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในยุคปัจจุบัน พร้อมการเข้ารหัส (encryption) แบบ 128-bit ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเสียง พร้อมให้เสียงที่ใส คมชัด และเสถียร สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 260 เมตร ในพื้นที่กลางแจ้งหรือโล่ง
• ความสามารถในการบันทึกเสียงแบบ 32-bit float ในตัวอุปกรณ์ ที่สามารถใช้งานได้นานถึง 40 ชั่วโมง โดย 32-bit float เป็นรูปแบบการบันทึกเสียงที่มีช่วงไดนามิก (Dynamic Range) กว้างกว่าการบันทึกเสียงแบบทั่วไป และสามารถกู้คืนเสียงที่ “แตก” หรือ “เบา” ได้ง่ายในขั้นตอนการตัดต่อ
• มี GainAssist เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยปรับระดับความดัง (Gain) ของเสียงให้สมดุล ช่วยให้เสียงที่บันทึกไม่ดังเกินไปจน “แตก” (Clipping) หรือเบาเกินไปจนฟังไม่ชัด พร้อมระบบการบันทึกสำรอง เพื่อให้มั่นใจว่าเสียงที่บันทึกโดยตรงไปยังกล้องมีคุณภาพเสียงที่คมชัดและไร้ปัญหา
• สามารถใช้งานร่วมกับกล้อง, สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ได้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นสูงสุดในการใช้งาน
• ระบบล็อกอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการหลุดระหว่างการใช้งาน
• สามารถเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับอุปกรณ์เพื่อฟังเสียงที่บันทึกได้แบบเรียลไทม์ และสามารถปรับระดับเสียงได้โดยตรง
• สามารถตรวจจับได้ว่าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อมีการจ่ายไฟหรือไม่ เพื่อลดการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น ช่วยให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพสูงสุด
• การตั้งค่าและปรับแต่งค่าต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน RODE Central ซึ่งรองรับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
• หน้าจอ LCD ที่สว่างและมองเห็นได้ชัดเจน
• สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ทั้งหมดในตระกูล RODE Series IV ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์รุ่นยอดนิยมต่าง ๆ เช่น RODECaster Pro II, RODECaster Duo, RODECaster Video, Wireless PRO, Interview PRO และอื่น ๆ
• มีสีสันหลากหลายให้เลือก ได้แก่:
  • โทนคลาสสิก: สีดำ, สีขาว
  • โทนสดใส: สีแดง, สีส้ม, สีชมพู, สีน้ำเงิน, สีโคบอลต์
  • โทนเอิร์ธ: สีดินเผา (Clay), สีมอส, สีสโตน
  • โทนพาสเทล: สีไลแลค, สีโรส, สีเขียว, สีม่วง
• ได้รับการออกแบบและผลิตที่ประเทศออสเตรเลีย

Wireless GO (Gen 3) เหมาะกับใคร?

Wireless GO (Gen 3 นั้นเป็นไมค์ไร้สายที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่มมากๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์ครีเอเตอร์, พอดแคสต์, สัมภาษณ์, วิดีโอบล็อก รวมไปถึงผู้ที่ต้องการความสะดวกและคุณภาพเสียงสูง เช่น การบันทึกเสียงงานสำคัญ หรือแม้กระทั่งการบันทึกเสียงในงานกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นก็ใช้งานได้เป็นอย่างดีครับ เพราะว่าใช้ง่ายมาก ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครัน 

Wireless GO (Gen 3) คุ้มค่าไหม?

หากจะถามว่าคุ้มค่าไหม? ตอบได้เลยครับว่า “คุ้มค่าแน่นอน” แต่เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อ่านหรือเพื่อประกอบการตัดสินใจหากคุณกำลังมองไมค์ไร้สายตัวนี้อยู่ SoundDD จะขอแยกเป็น 2 ข้อหลักๆ ได้แก่ ผู้ที่อยากย้ายจาก Wireless GO II มา Wireless GO (Gen 3) แล้วยังลังเลอยู่ กับ ผู้ที่ไม่เคยใช้ Series Wireless GO มาก่อนแล้วสนใจรุ่นใหม่นี้

ผู้ที่อยากย้ายจาก Wireless GO II มา Wireless GO (Gen 3) แล้วยังลังเลอยู่

หากคุณกำลังใช้ Wireless GO II อยู่แล้ว และกำลังพิจารณาอัปเกรดเป็น Wireless GO (Gen 3) สิ่งที่คุณจะได้รับจากอัปเกรดนี้ คือรุ่น Gen 3 นี้มาพร้อมเทคโนโลยีการบันทึกเสียงที่พัฒนาขึ้น คือ Series IV ของแบรนด์ RODE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในยุคปัจจุบัน ความสามารถในการบันทึกเสียงแบบ 32-bit และมี GainAssist เทคโนโลยีอัจฉริยะ แม้ว่าจะรุ่นที่ 2 และ รุ่นที่ 3 นั้นจะดูไม่มีอะไรใหม่เพิ่มเพิ่มมาเยอะ แต่ด้วยพลังของเทคโนโลยี Series IV, การบันทึกเสียงแบบ 32-bit และ GainAssist จะมอบเสียงที่มีคุณภาพเสียงสูงและคุณสามารถรับรู้ความแตกต่างได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอนครับ 

ผู้ที่ไม่เคยใช้ Series Wireless GO มาก่อนแล้วสนใจรุ่นใหม่นี้

หากคุณกำลังมองหาไมค์ไร้สายที่เหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน และยังไม่เคยใช้ Series Wireless GO มาก่อน Wireless GO (Gen 3) นั้นใช้งานง่ายครับ เป็นมืออาชีพหรือว่ามือใหม่ก็สามารถเริ่มใช้งานได้ในทันที่เลย รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการต่อกับกล้อง สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญคือ คุณจะได้รับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ช่วยให้การทำงานของคุณสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป: Rode Wireless GO (Gen 3) คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอในมือคุณ

ถ้าใครกำลังมองหาไมค์ไร้สายที่ “ใช้ง่าย แต่ได้เสียงดี” Gen 3 ตัวนี้คือคำตอบ! เค้าอัพเกรดมาแบบจัดเต็ม ทั้งคุณภาพเสียง ระยะการใช้งาน แถมยังมีระบบอัจฉริยะช่วยจัดการเสียงให้อัตโนมัติ ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องการตั้งค่า เรียกว่าจ่ายครั้งเดียว ได้คุณภาพระดับสตูดิโอติดตัวไปเลย คุ้มสุดๆ 

ขอบคุณข้อมูลจาก Rode