D.I. Box (ไดเร็ก บอกซ์) ตัวช่วยของนักดนตรี ที่มีดี...ยิ่งกว่าประโยชน์

Home » เกร็ดความรู้ (Tip & Trick) » D.I. Box (ไดเร็ก บอกซ์) ตัวช่วยของนักดนตรี ที่มีดี…ยิ่งกว่าประโยชน์

เวลาอ่านโดยประมาณ : 2 minute

D.I. Box (ไดเร็ก บอกซ์) ตัวช่วยของนักดนตรี ที่มีดี…ยิ่งกว่าประโยชน์

D.I. Box (ไดเร็ก บอกซ์) คืออะไร?? นักดนตรี หรือผู้ที่ทำงานในด้านระบบเสียงต่างรู้กันดีว่า DI-Box นี้มีความสำคัญอย่างไร เราอาจกล่าวได้เลยว่า เป็นเหมือนอุปกรณ์อีกหนึ่งชิ้นที่หลายท่าน ขาดไม่ได้ ทีนี้เรามาทำความรู้จักกันดีกว่าครับ ว่า DI-Box นั้นมีความสำคัญอย่างไร เพราะเหตุใดนักดนตรี หรือคนทำงานด้านเสียง ถึงต้องพกพาไปใช้ในงานตามสถานที่ต่างๆ แสดงว่ามันต้องมีความสำคัญอย่างแน่นอน

ก่อนอื่นเรามารู้จัก D.I. box ว่ามันคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร

D.I. Box (ไดเร็ก บอกซ์) ตัวช่วยของนักดนตรี ที่มีดี...ยิ่งกว่าประโยชน์ D.I. box ย่อมาจาก Direct box เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้งานในการทำงานระบบเสียง

D.I. box ย่อมาจากคำเต็มว่า direct box เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้งานในการทำงานระบบเสียง และจัดเป็นอุปกรณ์หลัก อีกตัวหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการลากสายสัญญาณที่มีความยาว ในระยะทางที่ไกลมาก โดย D.I. box จะช่วยลดการสูญเสียของสัญญาณให้น้อยที่สุด และช่วยลดการรบกวนของสัญญาณที่ไม่พึงประสงค์ได้ดีอีกด้วย เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุด

D.I. box มีอยู่สองชนิดด้วยกันให้เลือกใช้งาน

1. D.I. box แบบไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยง เรียกว่า พาสซีฟ (Passive)

D.I. box ประเภทพาสซีฟ จะใช้หลักการทำงานโดยการใช้หม้อแปลง (Transformer) ในการแปลงสัญญาณ ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟเลี้ยง คุณภาพของเสียงก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบ การเลือกใช้คุณภาพของหม้อแปลงในการผลิต ของผู้ผลิตแต่ละราย ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจขึ้นอยู่ที่ยี่ห้อ และราคาด้วยครับ

2. D.I. box แบบที่ต้องใช้เลี้ยง เรียกว่า แอ๊กทีฟ (Active)

D.I. box ประเภทแอคทีฟ จะใช้หลักการทำงานของวงจรอิเลคทรอนิกส์ในการแปลงสัญญาณ D.I. box ประเภทแอคทีฟ จำเป็นต้องใช้ไฟ DC ขนาด 9 – 48V+ เพื่อไปเลี้ยงวงจรในขณะใช้งานอยู่เสมอ บางยี่ห้อ บางรุ่นอาจใช้งานได้ทั้งการใส่ถ่าน 9 V และการปล่อยไฟ Phantom 48V+ โดยตรงจากมิกเซอร์เพื่อใช้งานร่วมกันได้เลย คุณภาพของเสียงก็ตามยี่ห้อ และราคา ตามความสามารถในการออกแบบวงจรของ D.I. box ของผู้ผลิตแต่ละราย ว่าจะสามารถตอบโจทย์คุณภาพการใช้งาน ได้มากน้อยเพียงใด

โดยประโยชน์ และหน้าที่หลักๆ ของ D.I. box จะมีดังต่อไปนี้

1. ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ High Impedance (ความต้านทานสูง) ให้เป็นสัญญาณ Low Impedance (ความต้านทานต่ำ)

ตัวอย่างเช่น… เราต้องการใช้กีต้าร์ไฟฟ้า ซึ่งสัญญาณที่ออกจากกีต้าร์ไฟฟ้านั้น เป็นสัญญาณในรูปแบบของ High Impedance หากเราต้องการป้อนสัญญาณเข้าสู่มิกเซอร์เข้าช่องอินพุทของไมโครโฟน ซึ่งในช่องไมโครโฟนมีสัญญาณในรูปแบบ Low Impedance เราจึงควรต้องใช้เครื่อง D.I box เพื่อแปลงสัญญาณของกีต้าร์ไฟฟ้าให้อยู่ในรูปแบบของ Low Impedance นั่นเอง เพื่อให้เกิดการ Matching Impedance ของอุปกรณ์ทั้งกีต้าร์ไฟฟ้า และช่องสัญญาณอินพุทไมโครโฟนบนมิกเซอร์ เพื่อให้สัญญาณของอุปกรณ์เกิดความเหมาะสมกัน

2. ทำหน้าที่แปลงสัญญาณในรูปแบบ Unbalance ให้เป็น Balance

อย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อต้องการเดินสายสัญญาณในระยะทางที่ไกลหากเราใช้สายแจ็คกีต้าร์ทั่วไป ซึ่งอยู่ในรูปแบบของ Unbalance สัญญาณที่ได้นั้นอาจเกิดการสูญเสีย หรือการ Drop ของสัญญาณนั่น และมีสัญญาณรบกวนได้ง่าย และในปริมาณที่มาก เราจึงต้องใช้ D.I box เพื่อแปลงสัญญาณในรูปแบบ Unbalance ให้เป็น Balance เพื่อให้สามารถเดินสายแจ็คกีต้าร์ได้ในระยะทางที่ไกล เพื่อลดการสูญเสียของสัญญาณให้น้อยที่สุด และป้องกันการรบกวนของสัญญาณที่ไม่พึงประสงค์ได้ดีอีกด้วยครับ ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี มีน้ำหนัก และลดเสียงจี่เสียงฮัมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของ D.I box ไม่เพียงแต่สามารถใช้งานกับเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ได้ นอกจากนี้ D.I box ยังสามารถนำมาใช้ในการต่อพ่วงกับสัญญาณของลำโพง ที่มาจากเครื่องขยายเสียงได้อีกด้วย หรือที่เราเรียกว่า speaker level พร้อมทั้งยังทำหน้าที่เป็นตัวแยกสัญญาณเพิ่มได้อีก และนิยมนำมาใช้ในงานด้านถ่ายทอดสัญญาณเสียงจากมิกเซอร์ เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณเสียง ออกไปยังการบันทึกวีดีโองานถ่ายทอดทีวี , กีฬา และการใช้ D.I box ในการต่อพ่วงเพื่อเล่นเพลง ผ่านเครื่องเล่นซีดี , โน๊ตบุ๊ก , เพลเยอร์ต่างๆ เพื่อส่งสัญญาณต่อไปยังมิกเซอร์ เมื่อทราบถึงประโยชน์มากมายของ Di Box แล้ว ก็หวังว่าทุกท่านจะมีไอเดียนำ Di Box มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบเสียง ท้ายนี้ขอบคุณและขอให้มีความสุขกับงานที่ทำ สวัสดีครับ

เขียนบทความ…SoundDD.Shop โดย…บริษัท เอสพีเค ซาวด์ ซิสเต็มส์ จำกัด